ชีวิตของเจมส์และครอบครัวเริ่มเปลี่ยนแปลงหลังจากที่เค้าเข้าสู่โลกของกีฬา เค้าเข้าร่วมแข่งขันในลีกอเมริกันฟุตบอลรุ่นอายุไม่เกิน 10 ปี ภายใต้การคุมทีมของโค้ช Bruce Kelker โค้ชกีฬาคนแรกของเค้า และเจมส์ก็กลายเป็นดาวเด่นตั้งแต่ฤดูกาลแรก เค้าทำได้ถึง 17 ทัชดาวน์ภายใน 6 เกมส์ที่ลงเล่น Bruce เล่าว่า มีครั้งหนึ่งหลังจากที่เจมส์ทำทัชดาวน์ได้ Gloria คุณแม่ของเจมส์วิ่งตามเค้าอยู่ข้างสนามด้วยความดีใจราวกับคนบ้า เพื่อเข้าไปแสดงความดีใจพร้อมกับกระชากไหล่เจมส์อย่างแรงด้วยความลืมตัว จนเจมส์ล้มลงไปกองกับพื้น
“นั่นเป็นครั้งแรกที่เค้าได้สัมผัสกับรสชาติของความสำเร็จ” โค้ชในทีมคนนึงกล่าวถึง เจมส์และคุณแม่ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับความยากลำบากมาโดยตลอด ทัชดาน์ครั้งนั้นเป็นความสำเร็จเล็กๆ ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา
หลังจากเล่นฟุตบอลได้ไม่นาน เจมส์ได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ภายในบ้านของโค้ชบาสคนแรกของเขา Frankie Walker และแชร์ห้องนอนกับลูกชายของ Frankie ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมฟุตบอลของเค้าด้วย เจมส์เล่าใหัฟังว่า การอาศัยอยู่กับครอบครัว Walkers ทำให้เค้าได้สัมผัสกับคำว่า “ครอบครัว” เป็นครั้งแรก Frankie มีครอบครัวที่อบอุ่นและลูกสามคน เป็นบ้านที่มีวินัยในการใช้ชีวิต คู่สามีภรรยาทำงานตั้งแต่ 9.00 – 17.00 และสอนให้เจมส์เป็นคนมีระเบียบวินัย เจมส์ได้รับมอบหมายให้ทำความสะอาดห้องน้ำทุกห้องในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาต้องตื่นเวลา 6.30 ทุกวันเพื่อไปโรงเรียนและทำการบ้านให้เสร็จก่อนเสมอก่อนที่จะเริ่มซ้อมบาส Frankie จับเจมส์เข้าร่วมทีมบาสรุ่นอายุ 9 ปี นอกจากให้เป็นผู้เล่น Frankie ยังให้เจมส์ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยโค้ชในทีมรุ่นอายุ 8 ปีอีกด้วย เค้าชื่อว่าการที่ได้มองเกมส์ในฐานะโค้ชจะช่วยพัฒนามุมมองและการเรียนรู้เกมส์บาสให้กับเจมส์ได้เร็วขึ้น
พัฒนาการในฐานะนักบาสของเจมส์เป็นไปอย่างก้าวกระโดด ไม่เป็นที่แน่ชัดนักว่าผู้คนเริ่มรู้จักเจมส์อย่างกว้างขวางในฐานะนักบาสดาวเด่นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มีเหตการณ์หนึ่งที่ถือว่าเป็นหนึ่งในตำนานของสนามบาสที่ Akron สมัยที่เจมส์เรียนอยู่เกรด 8 (อายุประมาณ 13-14 ปี) และเป็นนักบาสของโรงเรียน Riedinger Middle School ทุกปีโรงเรียนจะจัดการแข่งขันบาสประเพณีระหว่าง ทีมครู และ ทีมนักเรียน ในอดีตที่ผ่านมาทีมครูชนะทีมนักเรียนมาโดยตลอด แต่ปีนี้เริ่มมีกระแสว่าทีมนักเรียนอาจจะชนะเพราะทีมชุดนี้มี LeBron James แถมยังเป็นชุดที่ได้แชมป์ประจำเมืองและเข้ารอบชิงแชมป์ระดับประเทศ แม้จะเป็นแค่บาสประเพณี แต่บรรดาครูเริ่มกังวลว่าทีมตัวเองจะแพ้เป็นครั้งแรก จึงได้มีการไปดึงตัวนักบาสระดับมัธยมและนักบาสในกรมตำรวจของเมืองมาร่วมทีม
เมื่อเริ่มแข่ง รูปเกมสูสีอยู่ช่วงเวลาสั้นๆ จนทีมนักเรียนเริ่มทำคะแนนห่างไปถึง 20 คะแนน ณ จุดนั้นผลการแข่งขันเริ่มคาดการณ์ได้ไม่ยาก หลังจากนั้น เจมส์ขโมยบอลจากทีมครูได้บริเวณครึ่งสนาม และหลุดเดี่ยวไปโล่งๆ และเค้าก็ทำสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด…แม้แต่ตัวเจมส์เองก็ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน…เค้ากระโดดลอยตัวขึ้นเหนือห่วง และดังค์มันอย่างเต็มแรง เป็นดังค์ลูกแรกในชีวิตของเจมส์ ก่อนหน้านี้เค้าไม่เคยดังค์มาก่อนเลยนักเรียนทุกคนลุกฮือขึ้นด้วยความตื่นเต้น ผู้ชมทั้งสนามแตกตื่น ครูในโรงเรียนเล่าว่า หลังจากการแข่งครั้งนั้น ผู้คนเริ่มให้ความสนใจในตัวเจมส์มากขึ้นเรื่อยๆ และเจ้าเด็กคนนั้นก็เหมือนจะตัวสูงขึ้นทุกวันๆ ในตอนหลัง James Donald ครูผู้จัดการแข่งขันต้องถอดห่วงที่เจมส์ดังค์มาเก็บไว้เป็นอนุสรณ์
เมื่อเข้าสู่ระดับมัธยมปลาย เจมส์ตัดสินใจเลือกเข้าเรียนที่ St. Vincent–St. Mary High School เค้าเป็นดาราของทีมตั้งแต่ปีแรกโดยทำเฉลี่ย 21 แต้ม 6 รีบาวด์ต่อเกมส์ และพาทีมชนะ 27 เกมส์รวดคว้าแชมป์ระดับดิวิชั่น 3 ของรัฐ ชื่อเสียงของเจมส์ดังอย่างกว้างขวางในระดับประเทศ แฟนบาส แมวมอง และกองเชียร์ต่างแย่งตั๋วเข้าชมเกมส์ที่เจมส์แข่งทั้งที่เป็นแค่ลีกบาสระดับมัธยม ความสนใจในตัวเจมส์ขยายวงกล้างขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดนึง เมื่อเจมส์เข้าสู่ระดับจูเนียร์ ESPN ตัดสินใจถ่ายทอดสดทั่วประเทศ เกมที่ทีม St. Vicncent-St. Mary ซึ่งขณะนั้นอยู่อันดับที่ 23 ต้องมาเจอกับ ทีมอันดับหนึ่งอย่าง Oak Hill Academy เป็นการถ่ายทอดสดเกมบาสระดับมัธยมเป็นครั้งแรกของ ESPN ในรอบ 13 ปี และเจมส์ก็พาทีมพลิกล็อคชนะทีมอันดับหนึ่งไปได้ 65-45 ท่ามกลางสายตาของคนดูทั่วประเทศ โดยเจมส์ทำไปถึง 31 แต้ม 13 รีบาวน์ กับอีก 6 แอซซิสต์ ถึงตอนนั้น หลายคนกล่าวว่า เค้าเป็นนักบาสระดับมัธยมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในประวัติศาสตร์
“ผมเคยเห็นผู้เล่นเก่งๆ มามากมาย แต่เขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดที่ผมเคยเจอ” Steve Smith โค้ชของทีม Oak Hill กล่าว
“ความเข้าใจในเกมส์ พลังในการทะลุทะลวง รูปร่าง และความสามารถในการจ่ายบอล เขาคล้ายกับเมจิก จอนห์สัน” Dick Vitale กล่าว “เช่นเดียวกับผู้เล่นที่พิเศษมากๆ เขามีความสามารถเฉพาะตัวที่จะยกระดับเพื่อนร่วมทีมขึ้น”
นอกเหนือจากความสามารถและพรสวรรค์ เจมส์ยังมีวินัยของนักกีฬาที่ดีเยี่ยม Dru Joyce โค้ชสมัยเด็กของเจมส์บอกว่า ตั้งแต่ 10 ขวบจนถึงมัธยม เจมส์ขาดซ้อมเพียงแค่ครั้งเดียว เพื่อที่จะไปเยี่ยมพ่อบุญธรรมที่โรงพยาบาล
คำชื่นชมในความสามารถของเจมส์หลั่งไหลมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เจมส์ไม่ไช่แค่นักบาสระดับมัธยมที่ “พร้อม” จะเล่นใน NBA แต่เขาเป็นนักบาสมัธยมที่ “สามารถ” สร้างความแตกต่างใน NBA ได้ทันที และเป็นตัวเต็งที่จะเข้าสู่ NBA ในฐานะดราฟท์อันดับหนึ่งอย่างแน่นอน
แล้วใครจะเชื่อว่าในปี 2003 ทีมบาสประจำเมืองแห่งความอับโชคทางด้านกีฬาอย่าง Cleveland จะจับฉลากได้สิทธิดราฟท์เป็นอันดับที่ 1 ความบังเอิญ หรือโชคชะตา ที่เหมือนจะถูกใครเขียนบทมา… LeBron James เด็กที่เกิดที่นั่น…โตที่นั่น… เดินบนถนนเส้นเดียวกันกับคนที่นั่น พร้อมกับรอยสัก ‘330’ บนหัวไหล่ซึ่งบ่งบอกถึงรหัสไปรษณีย์ของ Akron จะถูกเลือกให้มาเล่นให้กับทีมบ้านเกิดตัวเอง ให้กับ ‘Cleveland Cavaliers’
***อ่านต่อตอน 4 เมื่อแอดโดดงานหนีเจ้านายสำเร็จ***
เขียนโดย – Fatfree
อ่านทุกตอนได้ที่นี่:
ตอนที่ 1
ตอนที่ 2
ตอนที่ 3
ตอนที่ 4
ตอนที่ 5
ตอนที่ 6
อ้างอิง:
http://espn.go.com/nba/story/_/id/9825052/how-lebron-james-life-changed-fourth-grade-espn-magazine
http://www.latimes.com/sports/nba/la-sp-lebron-james-akron-20141028-story.html
http://hypebeast.com/2011/10/nike-presents-first-dunk-a-story-about-lebron-james
http://espn.go.com/sportsbusiness/s/2002/1213/1476503.html
http://bleacherreport.com/articles/2126395-how-kid-from-akron-lebron-james-came-to-rule-the-nba