ฤดูกาลนี้ จะเป็นฤดูกาลเล่นบาสใน NBA ปีที่ 15 ของเลอบรอน เจมส์ ซึ่งก็เท่าๆ กันกับไมเคิล จอร์แดน ทั้งสองคนเล่นไปคนละ 1200+ เกมใน NBA และปะทะกับนักบาสมาหลายต่อหลายคน
แต่กลับเป็นเรื่องแปลก ที่ทั้งสองคนนี้ มีเพื่อนร่วมทีม ที่เคยเล่นกับยอดตำนานทั้งสองคนนี้ เพียงแค่ 4 คนเท่านั้น ทั้งสองคนไม่ทันได้เล่นในฤดูกาลเดียวกันก็จริง และ ความห่างของยุคสมัยก็เป็นปัจจัยอีกอย่าง… แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งหมดนี้ มีผู้เล่นเพียง 4 คนเท่านั้นที่เคยได้ร่วมสนามในฐานะเพื่อนร่วมทีมกับสองคนนี้
และเพราะเหตุนั้น จึงทำให้ เรื่องราวที่ผู้เล่นเหล่านั้น สามารถถ่ายทอดให้เราได้ฟังนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
ทางเว็บไซต์สื่อกีฬาและข่าวบันเทิง Ringer ได้ไปสัมภาษณ์กับหนึ่งในผู้เล่น 4 คนนั้น เพื่อมาเล่าให้แฟนๆ บาสอย่างเราอ่าน ถึงประสบการณ์ที่ล้ำค่าแบบนี้
และเขาคนนั้น คือ เบรนเดน เฮย์วู๊ด เซนเตอร์อายุ 38 ปีที่เคยเล่นให้กับ วอชิงตัน วิซาร์ด, ดัลลัส มาเวอริคส์, ชาร์ลอตต์ บ็อบแคตส์, และ คลีฟแลนด์ แคฟวาเลียร์ นอกจากเฮย์วู๊ด ผู้เล่นอีกสามคนที่เคยเล่นกับทั้ง เจมส์ และ จอร์แดน มี แลรี่ ฮิวจ์, เจอรี่ สแต็คเฮ้าส์, และ สกอต วิลเลี่ยมส์
ด้วยความที่ช่วงเวลาที่เฮย์วู๊ดเล่นกับทั้งสองคน อยู่คนละสุดขั้วของการเล่นอาชีพของเขา จึงทำให้ไม่ค่อยมีคนสังเกตุเท่าไหร่ว่าเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมกับสองคนนี้ เขาได้เล่นกับจอร์แดน ในสองปีแรกของการเล่นอาชีพของเขากับทีม วอชิงตัน วิซาร์ด และ เล่นกับ เลอบรอน เจมส์ ในปีสุดก่อน ก่อนที่จะเลิกเล่นไป
เขาเล่าว่าการที่ได้เล่นกับจอร์แดนในสองปีแรกนั้น มันเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่ล้ำค่า ได้เห็นกับตาว่า ผู้เล่นที่เรียกได้ว่า “ที่สุด” นั้นเขามีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ได้เข้าถึง “ความตั้งใจ” และการตั้งใจทำทุกสิ่งอย่าง
“ไมค์ทำทุกอย่างอย่างจริงจังเสมอ ก่อนเกมเขาจะอ่าน Scouting Report อย่างเข้มข้น ถ้าเขาอ่านเจอว่า ผู้เล่นคนนี้ข้ามไปทางซ้ายไม่ได้ เขาก็จะป้องกันให้ผู้เล่นคนนั้น ไปทางซ้ายอย่างเดียว และไมค์ก็จะคาดหวังว่า ตัวเราเองก็ต้องทำเช่นนั้นเหมือนกัน” เฮย์วู๊ดกล่าว “เขาจะบอกเสมอว่า อย่าให้ฝ่ายตรงข้ามเอาชนะคุณได้ด้วยสิ่งที่พวกเขาทำได้ดี ต้องบังคับให้เขาพยายามใช้จุดอ่อนของเขามาเอาชนะคุณสิ”
สำหรับเฮย์วู๊ด ที่ยังหนุ่มยังแน่น เขาถือว่ามันเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากที่ได้เห็นผู้เล่นที่อายุ 40 ปีแล้วยังคงใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทุกอย่าง เพื่อให้ประสบความสำเร็จ
แม้จะอายุขนาดนั้นแล้ว จอร์แดน เขายังคงซ้อมอย่างดุเดือด และ มีความมุ่งมั่นในการแข่งขันสูง แม้แต่แค่เวลาซ้อม เขายังคง Trash Talk เหมือนตอนหนุ่มๆ
“ตอนนั้น จอร์แดนถือว่า ไม่ได้ยิงสามแต้มแม่นเท่าไหร่แล้ว วันนั้นผมก็ไปแซวประมาณว่า เฮ้ย ลุงไม่ยิงสามแต้มหรอก” เฮย์วู๊ดเล่า “พอลงทีมจบเท่านั้นแหละ เขาลั่นยิงสามแต้มจากฝั่งขวา แล้วมันก็ซวบไปเลย เขาก็หันมาบอกผมว่า ‘ผมว่าคุณรู้ดีกว่านี้นะ คุณก็เคยดูผมเล่นตอนคุณเด็กๆ คุณต้องรู้ดีกว่านี้สิ’ มันทำให้ผมรับรู้ได้เลยว่า เขามีความกระหายที่จะแข่งขันตลอดเวลา เขาไม่แคร์ว่าคุณเป็นใคร เขาไม่แคร์ว่า ผมจบมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน มันคือความเป็น ‘ไมค์’ ที่แค่พร้อมจะเอาชนะคุณทุกเมื่อ
“มันมีครั้งนึง ทีมเราเพิ่งกลับมาจากการออกไปเยือนทีมฝั่งตะวันตกยาวๆ และมีวันพักหนึ่งวัน พวกตัวเก๋าๆ ในก็จะไม่ต้องเข้ามาซ้อมในวันนั้น แต่แน่นอนว่ารุ่นเด็กๆ อย่างผมต้องเข้า” เฮย์วู๊ดเล่าต่อ “ผมไปถึงประมาณ 10 โมง ก็พร้อมๆ กับ เพื่อนๆ รุ่นๆ เดียวกันอีกบางคน แต่ เข้าไปก็เจอ จอร์แดน กำลังซ้อมเสร็จพอดี ผมก็ถาม ‘ไมค์ คุณมาทำอะไรที่นี่ วันนี้มันวันหยุดของคุณนะ'”
“แล้วเขาก็ตอบผมว่า ‘คุณถามคำถามผิดแล้ว คำถามไม่ใช่ว่าผมมาทำอะไรที่นี่ แต่คำถามคือ ทำไมผมเอาชนะคุณได้’ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ที่มันติดตัวผมมาตลอด ทั้งที่ไมค์ อายุ 40 แล้วเขายังมาซ้อมตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงแม้ว่า ณ จุดๆ นั้นในอาชีพของเขาแล้ว เขาเป็นผู้เล่นที่เรียกได้ว่า ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์แล้วก็ว่าได้”
“แต่ถ้าให้เทียบกับเลอบรอน เขาทั้งสองคนแตกต่างโดยสิ้นเชิง ในมุมของบุคลิก เลอบรอนเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ดีมาก เขาชอบมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีมเสมอ แน่นอนว่าเขาก็เป็นคนที่ซ้อมหนักมากเหมือนกัน แต่การเข้าหาคน ของทั้งสองคนนี้ แตกต่างกันมาก สำหรับ ไมค์ ทุกอย่างคือ การแข่งขัน ถ้ามีการแข่งยิงกัน เขาต้องยิงลงให้มากที่สุด ถ้ามีการลงทีม เขาต้องชนะให้ได้ ทางเลอบรอน เขาเป็นคนที่เล่นบาสได้ยอดเยี่ยมแทบไร้ที่ติก็จริง แต่สิ่งที่ต่างกันคือ จอร์แดนมีความกระหายที่จะต้องเอาชนะในทุกๆ รายละเอียด แต่ทั้งสองคนเป็นคนที่ดีมาก เป็นคนที่ทุ่มเทมาก และเป็นผู้นำที่ดีมาก”
“เลอบรอน เขาเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีมากๆ เขาให้ของขวัญกับเพื่อนร่วมทีมอย่างไม่ขาดสาย ในบรรดาเพื่อนร่วมทีมทั้งหมดที่เคยเล่นด้วยนั้น เลอบรอน ให้ของขวัญเพื่อนร่วมทีมได้ดีที่สุดแล้ว” เฮวู๊ดเล่าถึงสมัยเล่นกับแคฟส์ “หากว่าแบรนด์ไหนไปสปอนเซอร์เขา เพื่อนร่วมทีมก็จะได้ของๆ แบรนด์นั้นเต็มไปหมด ถ้าซัมซุงไปสปอนเซอร์เลอบรอน เพื่อนร่วมทีมทุกคนก็จะได้โทรศัพท์ซัมซุงมาใช้ ผมเองได้หูฟัง Beats By Dre มามากซะจนผมแทบจะเอาไปแจกต่อด้วยซ้ำ การที่เขาแจกของ การที่เขาชอบพาเพื่อนร่วมทีมออกไปกินข้าวด้วยกัน มันคือการสร้างบรรยากาศความเป็นครอบครัว และนั่นคือสิ่งที่เขาทำดีที่สุด การสื่อสารและการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีม”
เมื่อพูดถึงทั้งเลอบรอน และ จอร์แดน การที่จะเอาทั้งสองคนมาเปรียบเทียบกันนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เฮย์วู๊ดเองก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องมีความเห็นในประเด็นนี้
“ทุกคนต้องพูดถึงเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” เฮย์วู๊ดกล่าว “ผมกับไมค์ มิลเลอร์ ตอนที่อยู่ แคฟส์กันทั้งคู่ ก็เคยคุยกันเรื่องนี้ แต่ ไมค์เคยอยู่ทีมเดียวกับเลอบรอนตอนที่เขาได้แชมป์กับไมอามี่”
“แต่ผมเป็นคนแคโรไลน่า ผมโตมากับเทพที่ชื่อว่า ‘จอร์แดน’ คุณต้องดูสิ่งที่จอร์แดนทำให้รอบชิงก่อนที่จะเริ่มการเปรียบเทียบแบบนี้ ในบรรยากาศของรอบชิง จอร์แดนเคยทำเฉลี่ย 40 แต้มต่อเกม [เจอกับซันส์ในปี 1993] มีครั้งนึงเขาเคยทำได้ 36 แต้มกับ 11 แอสสิสต์ต่อเกมในรอบชิง [เจอกับเลเกอร์สปี 1991 จอร์แดนทำไป 31.2 แต้ม และ 11. 4 แอสสิสต์ต่อเกม] และยิงในเปอร์เซนต์ที่ดีด้วย มันบ้าคลั่งมากเลยนะ แถมเขายังเล่นเกมป้องกันดีมากๆ อีก”
“สำหรับผมนะ ยังไม่มีใครถึงระดับไมค์จริงๆ ถ้ามีใครเทียบระดับของจอร์แดนได้… เขายังไม่เล่นใน NBA ตอนนี้หรอก ผมไม่รู้หรอกว่าอีก 10 ปี 15 ปีจะเป็นยังไง แต่เท่าที่ผมดู ตอนนี้ ไม่มีใครเทียบไมค์ได้หรอก เลอบรอน เป็นหนึ่งในห้าผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลแน่ๆ แต่ ไมค์คือที่หนึ่ง เพราะเขารวมเอาทั้งสถิติการเล่นที่ดี อีกทั้งรางวัลต่างๆ ทั้งผู้เล่นทรงคุณค่า ผู้เล่นทรงคุณค่ารอบชิง จำนวนครั้งการติดทีมออลสตาร์ จำนวนครั้งการติดทีมผู้เล่นยอดเยี่ยม เขาเข้าชิงมาหกครั้งแล้วชนะทั้งหกครั้ง เขาไม่เคยต้องแข่งถึงเกมที่ 7 ในรอบชิงแค่นี้ มันก็มากพอจะบอกได้แล้วว่า ช่วงเวลานั้น จอร์แดน เป็นผู้เล่นที่เก่งขนาดไหน ไม่น่ามีใครแล้วที่เข้าใกล้ระดับนั้น ไม่แน่ อาจจะมี คารีม อับดุล จาบาร์ ที่พอใกล้เคียง แต่นอกนั้นแล้ว ก็มีแค่ไมค์นั่นแหละ”
“ไมค์เขาได้รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าปีเดียวกันกับที่เขาได้รางวัลผู้เล่นป้องกันยอดเยี่ยมนะ ผมว่าหลายๆ คนลืมจุดนี้ไป และมันเป็นสิ่งที่เราอาจจะไม่ได้เห็นอีกต่อไปแล้ว และนั่นคือเหตุผลที่ไมค์คือผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาล”
“เจมส์เป็นหนึ่งในห้าแน่ๆ แต่ไมค์คือผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาล”
แปล และ เรียบเรียง โดย TK
ภาพบทความจาก Getty Images แต่งโดย The Ringer
บทความต้นฉบับจาก The Ringer >> อ่านได้ที่นี่