ในดินแดนส่วนหนึ่งของโลก NBA ที่ไม่ค่อยมีใครอยากอยู่ เพราะมันไม่หล่อไม่สวยตามมาตรฐานปกติของ NBA มีชายคนหนึ่งเล่นบาสอยู่ตรงนั้น เล่นด้วยทักษะและความสามารถที่เรียกได้ว่าอยู่ในระดับสูงสุดของบาสเก็ตบอล NBA ในปัจจุบัน ชายที่มีทั้งขนาดตัว ทักษะ และบุคลิกที่โดดเด่นไม่เป็นรองใครในลีก…. ชื่อของ DeMarcus Cousins หรือที่คนเรียกกันย่อๆว่า “DMC” หรือด้วยชื่อเล่น “Cuz” หรือ “Boogie” เรียกความสนใจจากสื่อมวลชนและแฟนบาสในอเมริกาได้เสมอ…. แต่ข่าวร้ายก็คือความสนใจในตัวเค้าส่วนมากมันมักจะเป็นไปในด้านลบ มันจะเป็นข่าวเกี่ยวกับอารมณ์โมโหร้ายในสนามของเค้า การปากเสียทั้งในและนอกสนามของเค้า ไม่ก็การทะเลาะผู้เล่นอื่นและโค้ชหลายๆคนที่เคยคุมทีมของเค้าอยู่เสมอ มากกว่าจะเป็นข่าวส่วนที่เกี่ยวกับความสามารถในสนามและสถิติเจ๋งๆที่เค้าทำได้
ตัว Boogie เองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี ว่ารูปเค้ายิ้มในสนามหรือเรื่องที่เค้าบริจาคเงินให้การกุศลเป็นแสนหรือเป็นล้านเหรียญมันจะไม่ค่อยได้รับความสนใจให้คนเอาไปแชร์ในโซเชียลมีเดียหรือมีรายการทีวีเอาไปนำเสนอซักเท่าไหร่ Boogie รู้ดีว่าเค้าควบคุมสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ เค้ารู้ว่าเค้าเขียนข่าวเองไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เค้าอยากให้คนยอมรับในเกมบาสของเค้า เค้าอยากให้คนรู้ว่าเค้าเล่นบาสได้ดีขนาดไหน
ตัวอย่างของสิ่งที่เค้าทำได้ในสนาม: ปีที่แล้ว Cousins ทำสถิติเฉลี่ย เกิน 24 แต้ม 12 รีบาวด์ 3 แอสสิส 1 บล็อก 1 สตีล ถ้าจะเทียบกัน Anthony Davis และ Blake Griffin แล้ว ทั้งสองคนนั้นไม่เคยมีสถิติรอบด้านเฉลี่ยที่ดีเท่าสถิติดังกล่าวของ Boogie เลย ผู้เล่นที่ทำเฉลี่ยรอบด้านได้สูงกว่าตัวเลขนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นระดับหอเกียรติยศอย่าง David Robinson, Hakeem Olajuwon, Kareem Abdul-Jabbar และ Kevin Garnett นอกจากนี้ เฉพาะในเดือนมกราคม 2016 ที่ผ่านมาเจ้า ฺBoogie ทำเฉลี่ยไป 32.6 แต้ม 12.8 รีบาวด์ 3.3 แอสซิส จากความแม่นยำระดับ 49.5% และยังยิงสามแต้มด้วยความแม่นยำถึง 42.9% อีกด้วย
ซึ่งสถิติอันสวยหรูในเดือนที่ผ่านมานี้รวมถึงช่วงสองเกมติดกันที่เค้าระเบิดฟอร์มทำไปเกิน 100 แต้ม จาก 48 คะแนนใส่ Pacers และ 56 คะแนนใส่ Hornets โดยในตอนนี้เค้าทำคะแนนเฉลี่ยสูงสุดอันดับ ของลีก4 ที่ 26.8 แต้มต่อเกม และเป็น Big Men คนเดียวใน Top 5 (AD อยู่ที่ 9) มากไปกว่านั้น ในฤดูการนี้เค้าถือเป็น Big Men ที่แบกภาระเกมบุกของทีมไว้มากที่สุด ในระดับเกือบจะสูงสุดตลอดการของบาส NBA เลยทีเดียวสำหรับผู้เล่นตำแหน่ง Center โดยมีอัตราการใช้งานในเกมบุก (Usage rate) ถึงราว 35.8% ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องพิเศษสุดสำหรับผู้เล่นตำแหน่ง Center ที่ในปัจจุบันแทบไม่ค่อยมีทีมไหนให้บทบาทหลักในเกมบุกกันอีกแล้ว (ตามที่เคยเล่าไปแล้วว่าปัจจุบันเป็นเกมของ Guard ซะมากกว่า) อัตราการใช้งานดังกล่าวนั้นใกล้เคียงระดับของ Wilt Chamberlain ที่ราว 36% เมื่อปี 1961-62 เลยทีเดียว
สไตล์การเล่นของ Boogie จริงๆแล้วก็น่าสนใจมากสำหรับคนดูบาสในยุคนี้ เพราะเค้าผสมผสานวิธีการเล่นของ Big Men ในยุคเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน ทักษะของเค้าเรียกได้ว่ารอบด้านจริงๆ เค้าสามารถวิ่งขึ้นไปทำหน้าที่จบสกอร์ในเกมเร็วหรือฟาสเบรคของบาสสมัยใหม่ได้ในปริมาณมากเป็นอันสามในหมู่ Big Men นอกจากนั้นเค้ายังยิงระยะกลางได้ดี เค้ารีบาวด์ได้ในบริมาณมาก จ่ายบอลได้ดีในอันดับต้นๆของ Big Man (พรุ่งนี้เค้าลงแข่ง Skill Challenge ใน All-Stars 2016 ด้วย) และในยุคที่ผู้เล่นวงในยุคใหม่ส่วนมากที่มุ่งเน้นการเล่นเกมรับและรีบาวด์เป็นหลัก ส่วนในเกมบุกก็เน้นไปที่เพียงการจบสกอร์ผ่านการเล่น pick-and-roll (DeAndre Jordan, Rudy Gobert, Serge Ibaka) Boogie นั้นสร้างสรรค์เกมบุกต่างไปจากรูปแบบดังกล่าว เค้าสามารถสร้างจังหวะทำสกอร์ได้ด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการเล่นแบบ Post-up เช่นเดียวกับผู้เล่นตัวใหญ่ที่รุ่งเรืองในยุค 1990-2000 โดยถ้าคุณเคยดู Boogie เล่น เค้าเป็นหนึ่งใน Big Men รุ่นเด็กไม่กี่คนในปัจจุบันที่ยังชอบการเล่น Post-up/Face-up ที่ใช้ร่างกายประทะ ตั๊น ดัน กระแทก หมุน หรือเอาบอลลงพื้นเพื่อแหวกเข้าไปทำคะแนนด้วยตนเอง และสามารถทำมันได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยราว 37% ของแต้มที่เค้าทำนั้นทำได้ด้วยการสร้างจังหวะเองไม่ได้ผ่านการแอสซิส
Cousins ที่ปัจจุบันอายุ 25 ยอมรับด้วยตนเองว่าในตอนนี้ไม่มีใครอยากอ่านเกี่ยวกับความเก่งหรือทักษะของเค้า เค้าเข้าใจดีว่าแฟนบาสอยากอ่านข่าวว่าเค้าซื้อรองเท้าอะไรใหม่ไปกี่คู่ ไปอาละวาดไว้ในเกมอย่างไร และทะเลาะกับโค้ชยังไงในห้องแต่งตัวมากกว่า แต่ถ้าคุณรู้จักเค้าจริงๆแล้วคุณจะรู้ว่าเค้าไม่ใช่คนโง่ๆทึ่มๆที่ทำอะไรไม่คิดอย่างที่สื่อมวลมักจะนำเสนอ เค้ารักบาสเก็ตบอล เข้าใจเกมและอาชีพนักบาสเก็ตบอลNBAมากกว่าผู้เล่นหลายๆคนด้วยซ้ำ เค้าแค่เลือกที่จะเป็นตัวเอง ห่ามๆ ลุยๆ โดยไม่ดัดแปลงแต่งเติมแต่อย่างใด
ส่วนต่อไปนี้เป็นบทสัมภาษณ์ของเค้ากับนิตยสาร SLAM ในสหรัฐอเมริกา ที่น่าจะทำให้คุณเข้าใจตัวตนของเค้ามากขึ้น(ขออภัยในความไม่สุภาพในบางส่วนของการแปลเพื่ออรรถรสที่ถูกต้องมา ณ ที่นี้) :
นิตยสาร SLAM: แม้สถิติก็ค่อนข้างจะบอกเนื้อหาอยู่แล้ว(ว่าคุณเก่ง) แต่คุณคิดว่าคุณคือ Big Man ที่ดีที่สุดในลีกหรือปล่าว?
DMC: ในความคิดผมนะ มันไม่ใกล้เคียงเลยล่ะระหว่างผมกับคนต่อไป ผมคิดว่าคนที่ (ดีที่สุด) ต่อจากผมคือ AD (Anthony Davis) แต่มันไม่ใกล้เคียงนะในความคิดของผม ไม่ใกล้กันเลย
SLAM: แล้วคุณจะทำยังไงให้คุณได้เครดิตตามที่คุณคิดว่าคุณควรได้ล่ะ?
DMC: ณ จุดนี้ มันเกี่ยวกับชัยชนะ (ของทีมที่ผมอยู่) ผมได้เล่น All Stars ผมติดทีมชาติอเมริกา คนทั่วไปก็รู้จักผม ดังนั้นมันเกี่ยวกับชัยชนะอย่างเดียวแล้วล่ะ มันเกี่ยวกับการแบกทีม พาทีมให้ชนะให้มากที่สุด ผมว่าถ้าพูดถึงพรสวรรค์ ผมรู้ดีว่าผมเหนือกว่า Big Men คนอื่นๆอย่างชัดเจน ตอนนี้เหลือก็แค่พาทีมชนะให้ได้
SLAM: ทุกคนที่สนิทกับคุณบอกว่านิสัยคุณจริงๆไม่เหมือนกับที่สื่อนำเสนอ คุณจะเปลี่ยนมันยังไง มีใครแนะนำอะไรดีๆบ้าง แม่ของคุณหรือโค้ชว่ายังไงบ้าง?
DMC: ไม่มีใครพูดอะไรนะ เพราะพวกนั้นเค้ารู้จักผมดี ผมว่าในใจพวกเค้าก็คงคิดในใจว่า “จะมีเชี้ยไรให้เปลี่ยนล่ะ?” ผมมานั่งคิดดูแล้ววิเคราะห์ผู้เล่นอื่นๆในลีกและก็เข้าใจ แค่ “ชนะ” คนก็จะยอมรับคุณเองในแบบที่คุณเป็น ผู้คนจะรักคุณอยู่ดีถึงคุณจะเป็นไอ้บ้าคนนึงถ้าคุณชนะ แค่คุณชนะชื่อเสียงด้านลบๆมันจะถูกกวาดไปซ่อนอยู่ใต้พรมเองและไม่มีใครสนใจ
SLAM: ไอ้ “ชนะ” ที่คุณพูดถึงนี่มันประมาณไหนดีล่ะตอนนี้
DMC: ในสถานะการณ์ทีมเราตอนนี้ ถ้าได้เข้า Playoff จะเป็นฤดูการที่สมบูรณ์แบบแล้ว แต่ผมคิดว่าทีมเราไร้ขีดจำกัด อะไรก็เกิดขึ้นได้นะ เราคิดได้ พูดออกมาได้ และไม่แน่อาจจะทำมันได้ก็ได้
_______________
Boogie สถบคำหยาบรัวๆระหว่างสัมภาษณ์ ไม่ใช่แค่ “Motherfucker” ซึ่งประมาณว่า “เช็ดแม่” (มี “Fuck” อีก 26 ครั้งและอื่นๆอีกมากมาย) ภาษาห่ามๆและการสื่อสารตรงๆของเค้าเป็นที่ถูกใจแฟนพันธ์แท้ของเค้าอย่างมาก เพราะเค้าเป็นที่พูดจากใจ เป็นผู้เล่นที่อายุเพียง 25 ปี ประสบความสำเร็จมีเงินมากมาย เข้าถึงได้ไม่ยาก และอยู่ในโลกยุคใหม่ เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างคล่องแคล่ว แต่นิสัยห่ามๆของเค้าก็แน่นอนว่าไม่เป็นที่พอใจของผู้บริหาร NBA เท่าไหร่ในเชิงภาพลักษณ์ ทำให้เค้าถูกเพ่งเล็งจากลีก เพราะ NBA ต้องการเป็นลีกกีฬาระดับโลกที่มีภาพลักษณ์ที่ดีและเป็นตัวอย่างให้เยาวชน ซึ่งจริงๆ Cousins ก็รู้ถึงประเด็นและเหตุผลของ NBA แต่เค้าตัดสินใจที่จะเป็นตัวเองจริงๆ เค้าไม่ต้องการเป็นแบบนึกต่อหน้าสื่อ และเป็นอีกแบบนึงในชีวิตจริง
เอาจริงๆผู้เล่นที่กล้าและบ้าบิ่นแบบนี้ หายากมาก และก็เจ๋งมากในมุมนึง แต่ก็ทำให้มันง่ายมากเช่นกันที่ตัวตนของเค้าจะถูกสื่อปั่นกระแสและบิดเบือน
อย่างไรก็ดี มีอย่างหนึ่งที่มีพลังมากกว่าภาษาห่ามๆและนิสัยกวนๆแต่จริงใจของเค้านั่นก็คือก็วิธีที่เค้าเล่นบาสเก็ตบอล
ผู้เล่นตำแหน่ง Power Forward ระดับตัวจริงใน NBA คนหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวไว้ว่า “ผมชอบเค้านะนอกสนาม แต่ผมไม่ชอบเล่นแข่งกับเค้าเลยในสนาม ผมต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกายนานมากหลังเจอเค้าก่อนจะกลับไปเต็มร้อยอีกครั้ง”
ด้วยตัวที่หนาของ Boogie เค้าอัดใส่ผู้เล่นวงในฝ่ายตรงข้ามเกมละราว 34 นาทีอย่างไม่ลดละ เค้าสู้ด้วยท่อนแขนและลำตัว ปักเท้าดันด้วยสะโพกและขา เค้าเป็นคนที่มีใจเต็มร้อยในการเล่นแบบใช้อัดร่างกายใส่อีกฝ่ายอย่างเต็มที่ การใช้ร่างกายเข้าประทะของเค้านั้นถูกส่งเสริมด้วยมือที่นุ่มและเบา (Soft hands) ที่ทำให้สามารถปล่อยได้อย่างดี และเค้ายังความสามารถในการทรงตัวและรักษาความสมดุลย์ของร่างกายชั้นเยี่ยมที่ถือว่าเป็นพรสวรรค์สำหรับคนที่ตัวใหญ่ขนาดเค้า ซึ่งวิธีเล่นและทักษะlสองด้านของเค้าทั้งด้านความรุนแรงและความนุ่มนวลนี้ทำให้เค้าทั้งได้ฟาล์วในปริมาณสูง (ได้ยิงลูกโทษราว 11 ลูกต่อเกม) และเสียฟาล์วเกมบุกเยอะในเวลาเดียวกัน (เสียฟาล์วเฉลี่ย 4.5 ครั้ง)
SLAM: ตอนนี้คุณดูชิลมากนะ แต่พอคุณเล่นบาส คุณดูเป็นอีกคนเลย คุณรู้ตัวมั้ย
DMC: อืมมันเป็นแบบนั้นแหละ ผมเป็นคนอยู่กับช่วงเวลานั้นๆมากๆน่ะ ในสนามผมจะเป็นแบบนึง นอกสนามผมจะเป็นอีกแบบที่ต่างไปโดนสิ้นเชิง ในสนามมันมีผู้เล่นอีกฝั่งที่รอเด็ดหัวคุณอยู่ ผมต้องทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ แต่นอกสนามผมชิลมาก และผมว่านั่นมันดีที่สุดแล้วล่ะ ชิลและสบายๆ
SLAM: คุณชอบมั้ยเวลามี Big Men ฝ่ายตรงข้ามไว้ชนด้วย?
DMC: ทีมที่ผมชอบเจอที่สุดคือ Clippers นะ ผมบอกได้เลยว่าผมรอเกมนั้นเสมอ ผมถือว่ามันเป็นเกมสำคัญของผม
SLAM: เพราะอะไรบางอย่าง มันเหมือนการตัวสู้ของความดีกับความชั่วเลยนะ เวลาคุณเจอ Blake (Griffins) และทีมของเค้า (ก็น่าจะหมายถึง DeAndre)
DMC: จริง (หัวเราะ) มันเหมือนกับเด็กดีตัวอย่างประทะไอ้เด็กวายร้ายเลย
SLAM: ถามจริงๆ ทำยังไงคุณถึงยังรักบาสเก็ตบอลทั้งๆที่ทีมคุณแพ้( มากกว่าชนะ) ทุกปี
DMC: ผมรักที่จะทำสิ่งนี้ ผมกิน นอน ขี้ เป็นบาสเก็ตบอลเลยล่ะ (หัวเราะ)
SLAM: LeBron เคยบอกว่า เค้ารู้สึกว่าร่ายกายเค้าไม่เหมือนเดิมหลังอายุ 26 เค้าไม่สามารถกิน Junk Food และเล่นบาสอาชีพได้อีกต่อไป เค้าบอกว่าเค้าต้องมาสนามเร็วขึ้นก่อนแข่งเพื่อยืดกล้ามเนื้อ เล่นโยคะ คุณรู้สึกอย่างนั้นกับร่างกายตัวเองหรือยัง
DMC: เชื่อผมได้เลย ผมรู้ชัดเจนเลยว่าเค้าหมายถึงอะไร ผมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้เลย นี่คือธุรกิจ คืออาชีพของคุณ นี่คือสิ่งทำเงินให้คุณ คุณต้องตั้งใจดูแลมัน
SLAM: แล้วปีนี้คุณทำอะไรที่ต่างออกไปล่ะงั้น?
DMC: อยู่ในยิม (ฟิตเนส) นานขึ้น เข้ามาเทรนก่อนตารางสองชั่วโมง ออกหลังสองชั่วโมง ต้องทำตัวเองให้ฟิตตลอดเวลา
SLAM: แล้วคุณชอบดูเทปวิดีโอเกมเก่าๆ (เพื่อศึกษาหาจุดบกพร่องของตัวเองและหาจุดอ่อนคู่แข่ง) มั้ย?
DMC: จริงๆแล้วผมอยู่ระหว่างการเรียนรู้ที่จะทำมันนะ คนที่มาชักจูงให้ผมชอบดูเทปคือ Rondo เค้าชอบดูเทปมาก เรานั่งติดกันบนเครื่องบินเสมอ ผมก็เลยติดนิสัย (ที่จะศึกษาจากเทปของ) เค้ามาด้วย
ในเรื่องความสัมพันธ์กับ Rondo DMC ยังกล่าวในอีกการสัมพาษณ์ว่า “ไม่ได้เป็นการว่าร้ายเพื่อนร่วมทีมเก่าๆของผมน่ะ แต่ Rondo รู้วิธีทำให้เกมมันเล่นได้ง่าย เค้ารู้จังหวะจ่ายบอลว่าตรงไหนและตอนไหนที่ผมจะทำคำแนนได้ง่ายๆโดยไม่ต้องพยายามมาก และ IQ เกมในเกมรับของเค้าก็ส่งผ่านมาถึงผม ทั้งในและนอกสนาม แนวคิดของเค้ามันช่วงทำให้ผมโตและเป็นมืออาชีพมากขึ้น เค้าช่วยผมในหลายด้าน”
SLAM: คุณคิดยังไงกับเมืองนี้ (Sacramento)
DMC: ผมรักเมืองนี้ ผมคิดว่าที่นี่คือบ้าน ผมอยากเป็นตำนานของที่นี่ มีเบอร์ของผมถูกรีไทร์ขึ้นไปแขวนไว้บนสนาม ผมอยากให้มีเรื่องเล่าว่าผมเป็นคนเปลี่ยนให้ทีมนี้เป็นผู้ชนะ สรุปว่าเมืองน่ะไม่ใช่ปัญหาเลย แต่การที่เราแพ้น่ะใช่
SLAM: ขอให้ความเห็นลอยๆหน่อยนะ แต่ผมเห็นภาพ Kevin Garnett ในตัวคุณ ตั้งแต่วิถีนำทีมของคุณ และการเคลื่อนไหวของคุณ คุณเห็นเหมือนกันไหม?
DMC: อาจจะนะ แต่สิ่งที่ผมสรุปคือ ชัยชนะมันช่วยคุณเสมอ ผมว่าถ้า KG แพ้ตลอดมาและเป็นคนนิสัยอย่างเดิมแบบที่เค้าเป็น (KG ชอบมีจังหวะเล่นแรง ชอบพูดดูถูกยั่วคู่แข่ง และอื่นๆ) ผู้คนจะคิดว่าเค้าเป็นคนที่แย่ที่สุดใน NBA นั่นคือจุดที่ผมอยู่มาตลอดเพราะผมแพ้ ไม่มีใครชอบผู้แพ้หรอก ทุกคนชอบผู้ชนะ ผมไม่คิดว่าผมต่างจาก Joakim Noah (ที่แฟนบาสหลายๆคนชอบ) เท่าไหร่เลยนะ เอาจริงๆผมว่าเค้ามีช่วงเวลาบ้าๆเยอะกว่าผมอีก ของเค้ามันกลายเป็นเรื่องความจริงจังในเกมหรือความตั้งใจ แต่ส่วนของผมมันกลายเป็นการควบคุมอารมณ์ที่ไม่ดีและท่าท่างกวนประสาทตอนเล่น
______________
เคยมีเรื่องเล่าว่าตอน Boogie เข้าลีกมาไม่กี่ปี มีวันหนึ่งเค้าเข้าไปหาผู้เล่นคนหนึ่งที่เด็กกว่าเค้าลงไปอีก เค้าเข้าไปเผชิญหน้าและพูดจากดดันเด็กคนนั้นต่อหน้าคนอื่นในทีม ่ทำการต่อว่ากดดันเด็กคนนั้นว่าเล่นไม่เต็มความสามารถที่มี ข่าวลือบอกว่า Boogie เข้าไปด้วยเจตนาที่อยากให้เด็กคนนั้นพัฒนาและเริ่มต้นอาชีพได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าการทำแบบนั้นอาจจะเป็นผลดีกับผู้เล่นที่มีไฟพร้อมจะสู้ แต่เด็กคนนั้นกลับร้องไห้ รับไม่ได้กับการกระทำของ Boogie และย้ายออกจากทีมไปในที่สุด (ข่าวไมได้บอกว่าเด็กคนนั้นคือใครใน NBA ในปัจจุบัน)
Boogie ไม่ยอมยืนยันหรือปฎิเสธข่าวลือนี้ ซึ่งก็เป็นได้ว่ามีเค้าโครงของความจริงบ้าง และเรื่องนี้มันบอกกับเราได้สองอย่าง อย่างแรกนั่นก็คือเค้าเป็นคนแนวดุโหดที่ใช้ความกดดันในการผลักดันตัวเองและคนอื่นเค้าไม่ไว้หน้าใคร และ สองเพื่อนรวมทีมใน Sacramento ของเค้าในหลายๆครั้งไม่สามารถเล่นได้เท่ากับมาตรฐานที่ Boogie ตั้งไว้เพื่อชัยชนะซึ่งทำให้เค้ามีข่าวว่ามีปัญาหากับคนอื่นออกมาเรื่อยๆ
ถึงเค้าจะไม่ยอมรับเรื่องข่าวนี้ แต่มีบางอย่างที่เค้ายอมรับได้เสมอ: ความสามารถในเกมบาสของเค้าเอง
SLAM: มันง่ายเหมือนที่เราเห็นมั้ย สิ่งที่คุณทำบนสนาม?
DMC: ในสนามบาสอ่ะนะ? แน่นอน ง่าย ไม่มีใครป้องกันผมได้
SLAM: สำหรับพวก Big men คนอื่นๆ หลายคนมันดูเหมือนเค้าต้องพยายามมาก แต่การทำ 25 แต้ม 12 รีบาวด์มันดูเกิดขึ้นเองสำหรับคุณ
DMC: ไม่อยากจะให้ฟังดูอวดดีหรอกนะ แต่มันง่าย
SLAM: ถามซ้ำ งั้นตกลงคุณคือ Big Man ที่ดีที่สุดในลีก?
DMC: อย่างห่างไกลเลยล่ะ
……..
เชื่อหรือไม่เชื่อ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เค้าพูดก็แล้วแต่คุณจะตัดสินใจเถอะ แต่ที่แน่ๆก็คือเค้าคือ Big Man ที่น่าสนใจที่สุดคนหนึ่งในลีกในตอนนี้และเค้าเต็มไปด้วยไฟแห่งการแข่งขันและทักษะรอบด้านที่หาไม่ได้ง่ายๆในผู้เล่นตัวใหญ่ในปัจจุบัน หวังว่าแฟนบาสชาวไทยจะได้มีโอกาสดูและพิสูจน์ฝีมือของเค้ามากขึ้น และร่วมกันพิสูจน์ว่าเค้าจะมีดีเหมือนที่พูดจริงหรือไม่ในระยะยาว
ที่มา:
- http://www.slamonline.com/antidote/
- http://fivethirtyeight.com/features/demarcus-cousins-is-a-usage-monster/
- http://www.nba.com/2016/news/features/david_aldridge/01/11/morning-tip-sacramento-kings-try-to-turn-corner-with-demarcus-cousins-rajon-rondo-leading-way-whats-next-for-brooklyn-nets-mikhail-prokhorov-john-calipari-qa-with-jamychal-green–kj-mcdaniels/
- รูปจาก; http://www.slamonline.com/antidote/