เป็นอีกครั้งที่ โมโน แวมไพร์ เปิดเลนให้ ไฮเทค ออกวิ่งโลดโผน และ โดนโจมตีสวนกลับเร็ว จนไล่ตามแต้มไม่ทันอีกครั้ง บางทีนิสัยเก่าๆ ก็คงเลิกยากสินะ
For English, read here.
สำหรับ โมโน แวมไพร์ เกมนี้กับ ไฮเทค บางกอก ซิตี้ ดำเนินไปไม่ค่อยต่างจาก เกมที่เพิ่งแข่งกับ สิงคโปร์ สลิงเกอร์ส เท่าไหร่นัก เริ่มต้นจากการเสียแต้มในเกมสวนกลับ จนแต้มทิ้งห่าง จากนั้นก็ไล่ตีแต้มกลับมาจนเหลือเพียงแค่สองแต้ม
แต่ในคราวนี้ เกมมันไม่จบแบบแต้มสูสีเท่าไหร่ เพราะ ไฮเทค เปลี่ยนเกียร์ เหยียบคันเร่ง แล้วซิ่งออกทิ้งห่างไป ในช่วงท้ายเกม
รายละเอียดการแข่งขัน (9/1/16)
ผบการแข่งขัน: โมโน แวมไพร์ 68 – ไฮเทค บางกอก ซิตี้ 78
เทปการแข่งขัน: https://www.youtube.com/watch?v=gL3JY6yHxyk
สถิติการแข่งขัน: http://www.fibalivestats.com/u/abl/225006/
ตอนนี้ก็ผ่านมาครึ่งฤดูกาลเศษๆ ใน ABL มาแล้ว เพราะฉะนั้น ทุกๆ คนต่างก็เริ่มมองเห็นและฟันธงได้ละ ว่าทีมที่เห็นอยู่ตอนนี้ คงไม่ต่างจากทีมที่เราจะได้เห็นในเกมสุดท้ายของปีนี้เท่าไหร่นัก และนั่นคือสิ่งที่เราได้จาก โมโน แวมไพร์ และ ไฮเทค ในเกมนี้…อะไรเดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ
สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ
- เรื่องเก่าๆ
รูปแบบของเกมฟาสเบรกที่ โมโน แวมไพร์ เสียในเกมนี้ อาจจะต่างออกไปจากที่เสียให้กับ สิงคโปร์ สลิงเกอร์ส ไปบ้าง ไฮเทค ไม่ได้พึ่งการวิ่งของเซนเตอร์ (คริส ชาร์ลส์) มากเท่ากับที่ สลิงเกอร์ส พึ่ง จัสติน ฮาวเวิร์ด
แต่ไฮเทคบุกสวนกลับในรูปแบบของ สามประสาน เฟรดดี้ โกล์ดสตีน, ไทเลอร์ แลมบ์, และ รูเบน วุฒิพงษ์ ดาโสม ในการพุ่งออกไป และการจ่ายบอล/เข็นบอล ของ สตีฟ โธมัส และ เฟรดดี้ มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ารูปแบบจะแตกต่างออกไป ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม ไฮเทคปิดควอเตอร์แรกด้วยการรันแต้ม 14-0 ด้วยการสวยกลับเร็วเป็นหลัก ทำให้ออกนำไป 22-10 ตอนสิ้นเสียงนกหวีด พอโมโนตีแต้มกลับมาได้ ไฮเทคก็ออกตัววิ่ง ทิ้งแต้มห่างออกไปอีกรอบ และ แต้มห่างพุ่งขึ้นมาถึง 20 แต้มในควอเตอร์ที่ 3
ถ้าอ้างอิงตาม FIBA LiveStats, ไฮเทค ทำแต้มจากการ ฟาสเบรกไปทั้งหมด 24 คะแนน
ทั้ง แมคเคลน และ เฟย์ ต่างก็ลงมาป้องกันช้า ไฮเทคก็เลยช่วงชิงโอกาสจากตรงนี้ให้มากที่สุด
นอกจากนี้แล้ว ในเกมนี้ ไทเลอร์ ยังยิงแม่นมาก ในจังหวะยิงสามแต้มเกมสวนกลับอีกด้วย
- บิ๊กกี้บล็อก

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยในเกมนี้ สำหรับการทำแต้มในการบุกครึ่งสนามของไฮเทค ในครึ่งแรก ทีมสิงห์ทุ่งครุ ยิงไปได้เพียง 33.3% เท่านั้น และถึงแม้ว่า ตอนจบเกม จะจบที่ 41.0% แต่ อิทธิฤทธิการป้องกันของ แมคเคลน แสดงออกมาค่อนข้างชัดเจนในเกมนี้
แมคเคลน ทำไปทั้งหมด 8 บล็อคในเกมนี้ เฟรดดี้ และ ไทเลอร์ ต่างก็ข้ามเข้าหาห่วงอยู่มั่นใจในช่วงต้นๆ เกม แต่พอถูกหวดร่วงไปหลายๆ ครั้ง ก็ถอยออกมาวางกระบวนรบใหม่เลย
- พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
ในครึ่งแรก เฟรดดี้ ยิงไป 0/8 อีกทั้งยังโดน แมคเคลน บล็อกอีก 5 ครั้งตลอดทั้งเกม แต่สิ่งที่ทำให้ เฟรดดี้ เป็นที่ชื่นชอบของคนหลายๆ คน คือ การไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งที่ขวางหน้า
พอครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้น เฟรดดี้ ก็เริ่มเปลี่ยนจังหวะการเข้าทำแต้มทันที เขาจะข้ามเข้าหาห่วงอยู่ดี แต่จะเปลี่ยนจังหวะเป็นการจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมในจังหวะสุดท้าย ซึ่งพอจ่ายผ่านไปได้ครั้งสองครั้ง แมคเคลน ก็เริ่มลังเลที่จะเข้า บล็อก เฟรดดี้ เต็มตัว และ ไอ้ความลังเลตรงนั้นแหละ ที่สร้างจังหวะให้เฟรดดี้ เข้าหาห่วงได้ง่ายขึ้น
ในบางจังหวะ จะเห็นว่า แมคเคลน เกาะติดกับ โธมัส ด้วยความกลัวที่จะเฟรดดี้จะจ่าย ทำให้ เฟรดดี้ เข้าหาห่วงได้ง่ายๆ แล้วพอช่วงท้าย แมคแคลน กลับมาทุ่มสุดตัวเพื่อบล็อก เฟรดดี้…ก็เจอลูกจ่ายสวนกลับงามๆ ให้กับ โธมัส
ยอมรับในการใช้จังคุมเกมจริงๆ
- #Fey-tality

ไมค์ เฟย์ เล่นได้ดีกับการเจอคู่อริตลอดกาล อีกแล้ว การยิงระยะกลางก็ยังแม่นเหมือนเดิม เพิ่มเติม คือลูกยิงสามแต้ม ช่วงท้ายเกมที่เกือบฟื้นคืนชีพ โมโน แวมไพร์ ได้สำเร็จ
อัตราการยิง 42.1% อาจจะดูไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจขนาดนั้น แต่มันก็เกือบดีทื่สุดในทีมแล้ว ในเกมนี้
เรื่องเกมรับ และ การรีบาวด์ อาจจะยังต้องปรับปรุงอยู่บ้าง แต่ อย่างน้อยเกมบุกของเฟย์ เริ่มเข้าที่แล้ว ไฮเทค เจอปัญหาเกี่ยวกับการป้องกัน เฟย์ โดยที่ยังรักษาเกมป้องกันใต้แป้นไว้ให้คงที่เหมือนกัน
แต่เช่นเดียวกัน มันก็ส่งผลกับการบุกจากข้างนอก ของ โมโน แวมไพร์ เพราะเหลือพื้นที่เล่นข้างนอกน้อยลง และถึงแม้ว่า แมคเคลนจะมีพื้นที่เล่นมากขึ้น แต่ แมคเคลนกลับได้ยิงเพียง 9 ครั้งในเกมนี้ เท่านั้น
- ไม่เอาหน่ะ เกรงใจ ไม่ดีหรอก เกรงใจ
ทั้งสองทีมดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากครองบอลกันเท่าไหร่ หลังจากที่ทำบอลเสียไปทั้งหมด 37 ครั้ง ทั้งนี้เพราะ ไฮเทคเล่นเกมที่รวดเร็วดุดัน และ โมโน เองก็เล่นเกมในรูปแบบเดียวกันสวนทับ
มีอยู่คนหนึ่ง ที่ทำบอลเปลี่ยนมือหลายครั้ง นั่นก็คือ รูเบน นี่เอง

มีหลายจังหวะที่ย้ำให้ทุกคนเห็นว่า รูเบน คือ ตัวท้องถิ่นที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ด้วยความสามารถในการจบสกอร์ในเกมสวนกลับ และการวิ่งตัดในโซน
แต่ปัญหาของ รูเบน เรื่องการครองบอล ก็ยังอยู่ มีหลายครั้งที่รูเบนเป็นคนนำเกมสวนกลับ และ ผลลัทธ์ที่ออกมา คือ การเสียบอลเพราะจ่ายพลาด หรือ การเลี้ยงออกนอกสนามไปเลย
ตอนนี้ รูเบน ยังถือว่าอยู่ในวัยที่ยังเรียกได้ว่า “กำลังพัฒนา” แต่ ช่วงเวลานี้ มันหมดไปเร็วกว่าที่คิด ้ขาจะยังต้องปรับปรุงการยิง และ การครองบอลอีกมาก ถ้าเขาอยากจะถูกพิจารณาเป็นนักบาสที่ดีที่สุดในประเทศคนหนึ่ง
- เร่งเครื่อง

อย่างที่กล่าวไว้สั้นๆ เกมนี้ ทั้งสองทีมเร่งจังหวะการเล่น และ ทำให้เกิดการเสียการครองบอลหลายๆ ครั้ง แต่มันก็ไม่ได้มีแต่เรื่องแย่ๆ สำหรับการเร่งจังหวะ ของ โมโน แวมไพร์ ในช่วงควอเตอร์ที่ 2 ที่ โมโน แวมไพร์ มีการระเบิดทำแต้ม 16-4 แต้มนั้น เริ่มต้นมาจากการเร่งทำจังหวะ ของ “บาส” กานต์ณัฐ เสมอใจ และ “สิงห์” ชนะชนม์ กล้าหาญ ที่มุ่งเข้าหาห่วงอย่างไม่คิดอะไร ทันทีที่ได้บอล
อาจจะไม่ได้จบด้วยการทำแต้มง่ายๆ ทุกครั้ง แต่มันก็ช่วงในการล่อฟาวล์ ซึ่งกลายเป็นปัญหาให้กับ ไฮเทค อยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อคริส ชาร์ลส์ ต้องออกจากเกมไป
- แขรขาช่างยาวเก้งก้างนัก

ในเกมล่าสุดระหว่างสองทีมนี้ โมโน แวมไพร์ ได้ฟาวล์ จาก คริส ชาร์ลส์ หลายครั้ง ซึ่งเป็นจุดที่ทุกทีมควรทำให้ได้ ถ้าอยากจะล้มแชมป์เก่า ทีมนี้
เห็นได้จาก อารมณ์ ของ ผู้จัดการทีม โมโน แวมไพร์ อภิโชค แซ่โค้ว เมื่อ คริส ได้ฟาวล์ครั้งที่สามในควอเตอร์ที่สองของเกมที่แล้ว
ในเกมนี้ โมโน ก็บรรลุ เป้าหมายได้เหมือนเดิม และ คริส ก็ฟาวล์ครบ 5 ครั้งไป ด้วยเวลาที่เหลือในควอเตอร์ 4 ตั้ง 2 นาที
แต่การฟาวล์ครั้งสุดท้ายนั้น ผมว่า อาจจะใจร้ายเกินไปซักหน่อย
ถ้าดูแว่บแรก การที่หน้าไปชนกับท่อนแขนก็เป็นการปะทะที่น่าจะเข้าข่าย “ฟาวล์” แต่เรามาดูบริบท อย่างทั่วถึงกันหน่อยดีกว่า
จังหวะนี้ ไม่มัการเหวี่ยงแขน หรือ ศอกแต่อย่างใด มันคือ ท่าของคนที่รีบาวด์ แล้วป้องกันบอลจากการถูกล้วงจากข้างหลัง (ซึ่งก็เกือบที่จะเกิดขึ้นไปแล้ว)
สิ่งที่เกิดขึ้นในจังหวะต่อมา อาจจะเป็นที่ครหานิดหน่อย คริสหันไปทางขวามือ แล้ว เจอ เฟรดดี้ จึงเตรียมที่จะจ่ายบอล พอเห็น ดรงค์พันธ์ จากหางตา ก็รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย เลยพยายามจะหยุด แต่ก็หยุดไม่ทัน ท้ายสุดก็เกิดการปะทะกันขึ้นมา แล้วถูกเป่าฟาวล์ฝั่งรุก
เช่นเดียวกัน “ปาล์ม” ดรงค์พันธ์ อภิรมย์วิไลชัย รับรู้ได้ด้วยความเก๋า ว่าจังหวะที่ดีมาแล้ว ก็เลยออกแอ็คชั่น ให้กรรมการหันมาสนใจการปะทะตรงรบริเวณนี้หน่อย และ มันก็ได้ผม
นี่คือความเห็นของผม: ผมว่า เป็นการเป่า ฟาวล์ครั้งที่ห้า ที่ใจร้ายไปนิด ทั้งนี้ มีการปะทะเกิดขึ้นก็จริง แต่มันเหมือนกันการที่ เอาวิ่งแล้วเผลอเอาหน้าไปชนแขน มากกว่าการเหวี่ยงแขนออกไปชนหน้า
ในส่วน แอ็คชั่นของ ดรงค์พันธ์ ก็ต้องยอมรับว่า ทำได้ดีในการเรียกร้องความสนใจจากกรมการ แต่จริงๆ แล้วก็เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพียงแต่ได้รับความสนใจจากหมู่คนดูในจังหวะนั้น เพราะว่า ทีมงานถ่ายทอดได้เลือกเอาจังหวะที่เห็นอย่างชัดๆ ออกมาฉายในรูปแบบ slow-motion
- ล้ำเส้น
ในเกมนี้ ไฮเทค บางกอก ซิตี้ ได้ทำความผิดพลาดครั้งมหันต์ที่อาจจะทำให้ทีมแพ้เลยก็ได้ หากเป็นเกมที่กระชั้นชิดกว่านี้
ไฮเทค ไม่เคยเล่นใน CU Sports Complex มาก่อน และ อาจจะงงกับเส้นในสนาม สำหรับหลากหลายกีฬาในครั้งนี้ ทั้ง ไทเลอร์ แลมบ์ และ อรรถพร เลิศมาลัยภรณ์ ต่างก็เหยียบเส้นของสนามวอลเล่ ตอนจ่ายบอลเข้าสนาม แล้วก็ได้เสียบอลไปอย่างน่าเสียดาย
นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ดี ที่ทีมแต่ละทีมควรจะหาเวลามทาทำความคุ้นเคยกับสนาม ถ้ามีโอกาสก่อนแข่ง
- Mono Vampire Girls
มาจบช่วงกันอย่างสดใส กับ โมโน แวไมพร์ เกิร์ล กันหน่อยดีกว่า
เย่
ว่ากันด้วยตัวเลข
- 45.2%
ทั้งสองทีมยิงลูกโทษเพียง 14/31 เท่านั้น หรือ 45.2% นั่นเอง…ซึ่ง ไม่ดีเลยแม้แต่นิดเดียว ทีมไฮเทค จบลงที่ 41.7% เท่านั้น ทั้งสองทีมนี้ ต้องพัฒนาด้านนนี้ ให้ได้อย่างรวดเร็ว
แต่จริงๆ แล้ว ถ้ามี สตีฟ โธมัส คอยตะโกนสั่งให้ลูกไม่ลงห่วง…บางที ผลมันอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้
เป็นเรื่องยืนยันได้อีกว่า สตีฟ โธมัส จริงๆ แล้วเป็นพ่อมด อายุ 1000 ปี
- 19, 42.2%
ในเกมนี้ ไฮเทค เก็บรีบาวด์ฝั่งรุกไปทั้งหมด 19 ครั้ง เป็นอัตราการรีบาวด์ฝ่ายรุกทั้งหมด 42.2% ตรงส่วนนี้ ไฮเทคใช้เป็นความได้เปรียบ และ ทำไปมากกว่า โมโน แวมไพร์ ถึง 20 แต้ม
คงยากที่จะชนะทีมที่ทำแต้มได้จากจังหวะสองแบบนี้
ความประทับใจหลังเกม
ในเกมนี้ ผมว่า เราก็ไม่ได้รู้อะไรใหม่ๆ ขึ้นมาเท่าไหร่ นอกเสียจากว่า ใครยังไม่เคยดู ไมค์ เฟย์ เล่น มาตอนนี้ก็เริ่มมองเห็นแล้วว่า เฟย์ มีความน่ากลัวอย่างไร
โมโน แวมไพร์ ก็ยังมีปัญหากับเกมป้องกันสวนกลับ และ ถ้ายิงลูกสามแต้มกันไม่ลง เกมก็ค่อนข้างจะช็อต
ไฮเทค เองก็ยังคงเป็นทีมที่บุกสวนกลับได้น่ากลัว ถ้า สตีฟ โธมัส เริ่มมีการจ่ายบอลยาวได้ดั่งใจ และ เกมบุกก็ยังคงพึ่ง เฟรดดี้ โกล์ดสตีนเป็นหลักอยู่ดี
ก็…เรื่องเดิมๆ แหละเนอะ
ในเกมต่อมา วันที่ 13 มกราคม ไฮเทค จะเปิดบ้านเจอกับ ไซ่ง่อน ฮีต ก่อนที่จะออกไปเยือน 5 เกมรวด ทีม ไซ่ง่อน ฮีตกำลังระบมจากการโดนกวาดต้อนที่ มาเลเซีย ในเกมทืี่เจอกับ เคแอล ดรากอนส์ ความพ่ายแพ้ในครั้งนั้น อาจจะยังต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูจิตใจ
โมโน แวมไพร์ ได้พักกันหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ก่อนที่จะเจอกับทีม เคแอล ดรากอนส์ ที่แสดงผลงานได้ดีในบ้าน แต่นอกบ้านกลับไม่ค่อยดีเท่าไหร่) โมโน จะใช้โอกาสนี้เป็นจังหวะในการสร้างความหวังสำหรับการเข้า playoff ได้หรือไม่
Feature Picture Credit: Kuk Onvisa Thewphaingarm
ติดตามอ่านบทความอื่นๆ ของตัวผู้เขียน (สัจธรรม กุลสมบูรณ์) ได้ที่ mthai อย่างต่อเนื่อง และ ติดตามเพิ่มได้จากสองช่องทางคือ
BLOG: tonesanddefinition.wordpress.com
Facebook: www.facebook.com/tonesanddefinition
Twitter: @tonesndef
Line: @tonesndef (ต้องมีตัว “@” ด้วยนะครับ)