นี่คือสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับประเทศ เบลเยี่ยม
- ประเทศเบลเยี่ยมมีทีมฟุตบอลที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่ง ซึ่งมีแกนนำคือ กัปตันทีมชาติ และ กองกลางดาวเด่นประจำทีม
หอยกากหอยกาบ เชลซี, เอเดน อาซาร์ (ซึ่งเป็นตัวโปรดที่ผมมักจะซื้อเวลาที่เล่น FM สมัยวัยเยาว์) - เมืองบรูจซ์ นั้นเป็นเมืองในประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งหนังเรื่อง “In Bruges” ที่ถ่ายทำที่เมืองนี้ ถือว่าเป็นหนังโปรดตลอดกาลเรื่องหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้ การที่มีการสรุปเนื้อความหนังได้แล้วมีประโยคว่า “เรย์ได้รู้จักกับจิมมี่ ซึ่ง จิมมี่เป็นนักแสดงที่เป็นคนแคระ อีกทั้งยังเป็นไอ้ขี้ยาเหยียดผิวอีกด้วย” ก็รู้ได้เลยแหละ ว่าหนังเรื่องนี้ เจ๋งมากแน่นอน ตบท้ายด้วยความสุดยอดของ คอลลินน์ แฟเรลแล้ว ทำให้หนังเรื่องนี้ พลาดไม่ได้จริงๆ
เฮ้ย แต่เดี๋ยวสิ เรามาคุยเรื่องประเทศเบลเยี่ยมทำไม ใน blog ที่เกี่ยวกับบาสเก็ตบอล
For English, read here.
บาสเก็ตบอลไม่ใช่กีฬาที่เด่นดังในเบลเยี่ยมเท่าไหร่ ใน 20 ปีที่ผ่านมา พวกเขาผ่านรอบคัดเลือกเข้าแข่งขันรายการ ยูโรบาสเก็ต มาเพียงสามครั้ง โดยไม่เคยจบอันดับที่สูงกว่า อันดับที่ 9 เลย โดยมีผลชนะ 4 ครั้งจากการแข่งทั้งหมด 19 ครั้ง
นักกีฬาบาสที่น่าจะมีชื่อเสียงมากที่สุด คงไม่พ้นจาก นักบบาสระดับ แชมป์ NBA ถึง 2 ถ้วย…ดีเจ เบงก้า ซึ่ง เบงก้า เป็นนักกีฬาโอนสัญชาติ โดยเจ้าตัวเกิดที่ประเทศ ซาอีร์ (ซึ่งตอนนี้ คือ สาธารณรัฐ คองโก) แต่เกิดเรื่องราววุ่นวายมากมาย จนเจ้าตัวได้ไปพำนักที่ประเทศเบลเยี่ยมตั้งแต่เด็ก จนได้เล่นในลีกอาชีพ ก่อนที่จะพุ่งทะยานสู่ NBA ในที่สุด
…แล้วทำไมตูต้องมาสนใจประเทศเบลเยี่ยมฟะ? นี่มันบล็อกเกี่ยวกับบาสนะว้อย!!
จริงๆ แล้ว ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่มันมีนักกีฬาระดับเยาวชนคนหนึ่งที่น่าสนใจ ไม่ใช่น้อย
เจ้าหนูนี่ขนานนามว่า ลีออน ฟาน เดน เบิร์ก
ลีออนสูงราว 1.9 เมตร (แล้วแต่ว่าจะถามใครอะนะ) และเล่นให้กับทีม เบลกาคอม สปีโร ในลีก BDL เมื่อปี 2013-2014 เขาลงเล่นเฉลี่ย 21.6 นาที และทำไป 8.2 แต้ม ต่อเกม ซึ่งก็ถือว่า น่าประทับใจอยู่บ้างสำหรับเด็กที่อายุเพียง 16 ปีตอนนั้น
ในปีเดียวกัน (2013) ลีออน เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติ เบลเยี่ยม ในการแข่งขัน ยู-16 ยูโรเปียน เอ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่ง เบลเยี่ยมมีผลงานจบที่อันดับที่ 14 และชนะไป 3 นัดจากการแข่งทั้งหมด 9 นัด ลีออนทำไป 1.0 แต้ม 1.0 รีบาวด์ และ 0.5 แอสสิสต์ต่อเกม
ไม่ใช่ตัวเลขที่สวยงามเท่าไหร่นัก…ซึ่งก็อาจจะทำให้ท่านที่อ่านมาถึงนี่สงสัยว่า “แล้วสรุปเด็กเปรตนี่มันมีอะไรดีฟะ?”
เรามาเริ่มจากการดูประวัติของลีออนใน FIBA Europe:
และนี่คือประวัติของลีออนในลีก BDL (Belgian Development League):
ถ้าหากว่าดูมาจนถึงป่านนี้แล้วยังไม่ถึงบางอ้อ ผมก็คงต้องชี้ออกมาให้เห็นแล้วว่า ในฐานข้อมูล FIBA ได้บันทึกสถานที่เกิดไว้ว่าเป็น “Bangkok (THA)” ซึ่งก็ตรงกับประวัติของเขาใน BDL ที่บันทึกไว้ว่าเกิด 31/01/1997 ที่ Bangkok และบอกว่า เขามาจาก “Thailanda”
ใช้แล้วววว ลีออน เป็นอีกหนึ่งลูกครึ่งไทยที่เล่นบาสนั้นเอง
ผมได้เจอกับพื้นเพของลีออนโดยบังเอิญจากการจับพลัดจับพลูกับ RealGM ซึ่งเป็นต้นทางให้เกิดการค้นพบครั้งนี้ ครั้งแรกที่เจอก็เกิดความรู้สึกที่ผิดหวัง เนื่องจากว่า ลีออน อายุ 18 ปี แล้ว และจากประสบการณ์ที่ผ่านๆ มา พบว่า ไม่ค่อยมีลูกครึ่งที่ทำหนังสือเดินทางก่อนอายุ 16 กันหรอก ซึ่งทำให้เขาหมดโอกาสที่จะเล่นให้ทีมชาติไทยในฐานะผู้เล่นท้องถิ่น
แต่! ในบัดดล ก็สำนึกขึ้นมาได้ว่า ลีออนนั้น เกิด ที่เมืองไทย ดังนั้นเขาจึง น่าจะ มีหนังสือเดินทางไทยอยู่แล้ว!!!
ก่อนที่จะเริ่มฉลอง…บางคนอาจจะสงสัยว่า ว่าไอ้เจ้าลีออนเนี่ย มันเล่นให้กับทีมชาติ เบลเยี่ยม แล้วมันจะมีปัญหากับการลงเล่นให้ทีมชาติไทยไหม?
ข่าวร้ายคือ (แปลตามหนังสือกฏของ FIBA):
18. นักกีฬาคนใดที่เคยลงเล่นให้กับรายการแข่งขันหลักของ FIBA ให้กับทีมชาติใดๆ แล้ว ถือว่าได้เลือกที่จะใช้สัญชาตินั้นๆ โดยมีข้อยกเว้นตามกฏ 3-23 และ 3-24
ซึ่งการแข่งขัน ยู-16 ยูโรเปียน เอ แชมเปี้ยนชิพ นั้นแน่นอนว่า เป็นรายการการแข่งขันของ FIBA จึงไม่น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีเท่าไหร่ การที่คนๆ นึงจะรับใช้ทีมชาติถึงสองทีมดูเป็นเรื่องที่ไม่ผิดแปลกธรรมดาไปหน่อย
แต่ ก็มีข่าวดีอยู่! (แปลตามหนังสือกฏของ FIBA อีกครั้ง):
22. ผู้เล่นที่เคยลงเล่นแล้วในรายการแข่งขันทางการของ FIBA (ดูตามข้อ 2-1) ก่อนที่จะครบรอบวันเกิดที่สิบเจ็ดปี (17) ของตน สามารถที่จะเล่นให้กับทีมชาติอีกสัญชาติของตน หากว่า สมาคมบาสเก็ตบอลของทั้งสองชาติ ตกลงกันได้ ในกรณีที่ไม่มีฝ่ายมาทำการตกลงกันดังกล่าว มอบอำนาจให้เลขาธิการสมาคม FIBA เป็นผู้ตัดสิน
เอาละเหวย! การแข่งขันยู-16 ยูโรเปียน เอ แชมเปี้ยนชิพ นั้น ได้แข่งไปตอนที่ลีออนอายุเพียง 16 ปี เพราะฉะนั้น เขายังมีโอกาสที่จะลงเล่นกับทีมชาติไทยโดยไม่ต้องใช้สิทธิโอนสัญชาติได้! แต่เนื่องจากว่าตอนนี้ ลีออน อายุ 18 ปีแล้ว ถ้าหากว่าเขาถูกเรียกติดธงจากสมาคมบาสเก็ตบอลของเบลเยี่ยม เพื่อลงรายการแข่งขันใดๆ ที่ FIBA ควบคุม (ซึ่งตามบันทึกแล้ว ยังไม่มีประวัติ) ก็จะทำให้เรื่องราวการเล่นบาสทีมชาติไทยของลีออนยากมากขึ้น
ดังนั้น…ถ้าสมาคมบาสเก็ตบอลแห่งประเทศไทยอยากจะทำอะไรจริงๆ ก็ต้องเดินเรื่องโดยเร็ว
แต่ถึงแม้ว่า ลีออน จะถูกเรียกติดธงไปแล้วก็ตาม อาจจะยังมี หนทาง มาติดธงไทยได้อีกอยู่ดี (แปลตามหนังสือกฏของ FIBA อีกครั้ง):
23. ผู้เล่นที่ลงเล่นแล้วในรายการแข่งขันทางการของ FIBA (ดูตามข้อ 2-1) หลังจากที่จะครบรอบวันเกิดที่สิบเจ็ดปี (17) ของตนไปแล้ว ไม่สามารถที่จะเล่นให้กับทีมชาติอื่นใดได้เลย ยกเว้น ในกรณีพิเศษ ที่เลขาธิการสมาคม FIBA จะทำการอนุมติให้ผู้เล่นคนนั้นลงเล่นให้กับทีมชาติที่ตนหมดสิทธิลงเล่นได้ตามข้อกำหนด 3-23 ถ้าเป็นการอนุมัติเพื่อให้เกิดการพัฒนาทางบาสเก็ตบอลไปในทางที่ดีของชาตินั้นๆ ซึ่งจะต้องมีการจ่ายค่าดำเนินการดังกำหนดไว้ในข้อกำหนด 3-305 และ ที่เลขาธิการอนุมัติ ให้กับ FIBA อีกด้วย
สรุปเอาให้เข้าใจกันง่ายๆ ว่า “ถ้าไอ้เจ้าเด็กที่ว่าเนี่ย มันมีคุณค่ากับการพัฒนาบาสเก็ตบอลในประเทศนั้นๆ และคุณพร้อมจะทุ่มเงินให้ FIBA ละก็ เอาไปเล่นไปเถอะ!” ก็ไม่ใช่แนวทางที่ดีทีสุด…แต่ก็เป็นแนวทางที่มีให้เลือกยามฉุกเฉินได้
แล้วถ้ามว่า เจ้า ฟาน เดน เบิร์ก นี่มัน คุ้มค่าจะทำเรื่องจู้จี้จุกจิกทั้งหมดนี้หรอ? มันเก่งฟ้าประทานถึงขนาดต้องมาลือกันแซ่บขนาดนี้เลยจริงๆ หรอ?
ก็ไม่มีอะไรแน่นอนหรอก จริงๆ แล้ว อาจจะไม่ได้เก่งไปกว่านักกีฬาไทยด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่เราเห็นมาแล้วจากปรากฏการณ์ โมเสส มอร์แกน และ ปรากฏหารณ์นักบาสลูกครึ่ง เรื่องราวพวกนี้ มันช่วยปลุกปั่นกระแสในวงการบาสได้มาก ไม่ว่าในที่สุด เขาจะมาเล่นให้กับทีมชาติไทย ได้หรือไม่ก็ตาม
ถ้าใครติดตามบาสเก็ตบอลในช่วงปิดฤดูกาลนี้อยู่ ก็อาจจะพอได้ยินข่าวเกี่ยวกับการที่ จอร์แดน คลาร์กสัน (รูกกี้ตัวเก่งของ ลอส แอนเจเลส เลกเกอร์ ปีที่แล้ว) นั้นเกือบๆ จะได้ลงเล่นกับทีมชาติ ฟิลิปินส์ โดยไม่ใช้สิทธิโอนสัญชาติ เนื่องจากว่า เพิ่งมีการประกาศว่า คลาร์กสันได้หนังสือเดินทางฟิลิปินส์มาตั้งแต่ก่อนอายุ 16 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้ สถานะของ คลาร์กสันนั้น กำลังสืบสวนกับทางสมาคม FIBA แต่เรื่องราวทั้งหมดนี้มันก็จุดประกายความสนใจแผ่กว้างไปในระดับเอเชียพอสมควร
ใครจะไปรู้ว่า ถ้าเราช่วยๆ กันหา มันจะมีเหล่าลูกครึ่งนี้อีกมากมายแค่ไหน?
แน่นอนว่า กำลังพลลูกครึ่ง มันไม่ใช่แกนหลักของทีมชาติไทยเราอยู่แล้ว ถึงแม้เราจะไม่มีลูกครึ่งมาเสริมทีม ความสามารถที่เรามีอยู่ในมือ มันก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงแล้ว แต่ถ้าหากว่าได้มีการผสานกำลังจากนอกประเทศเข้ามา มันก็จะเพิ่มความน่าสนใจให้วงการมากขึ้น มันจะเป็นการเพิ่มระดับการแข่งขันระหว่างนักกีฬามากขึ้น มันจะเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้กับทีมระดับอาชีพในวงการที่จะเลือกสรร เพื่อมาสร้างสีสันให้กับแฟนๆ อย่างเรา มากขึ้น มันคือการผสานวัฒนธรรมใหม่ๆ ให้กับระบบบาสของไทยเรา
ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจดี ไม่ใช่หรอ?
อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ลูกครึ่งไทย ในวงการบาส ได้ ที่นี่
Tones and Definition 