นครปฐม แม๊ดโกตส์ ดูเหมือนจะถือไพ่เหนือกว่าชลบุรีไฮเทคด้วยการนำอยู่ 1-0 เกมในซีรี่ย์ชิงชนะเลิศ TBL ปีนี้ อีกเพียง สี่สิบนาที เท่านั้น ที่จะต้องทำแต้มให้ได้มากกว่าคู่ต่อสู้ อีกเพียงสี่สิบนาทีเท่านั้น ก็จะกลายเป็นตำนานบทใหม่ของวงการบาสไทย
หากแต่ว่า เมื่อจบเกมที่ 1 ไปนั้น เหมือนกับว่า สถานการณ์ของทาง แม๊ดโกตส์ จะแย่กว่าสภาพก่อนเริ่มด้วยซ้ำ
พวกเขาก้าวขาข้างนึงเข้าเส้นชัย ไปแล้วแต่กลับต้องเสีย “แขน” ไปข้างนึง ตอนที่ “อาร์ม” ณัฐกานต์ เมืองบุญ ล้มลงมา ข้อมือหักใน ควอเตอร์ที่สี่ นอกจากนั้น ก็ยังต้องต้องกะเผลกเข้าเส้นชัยอีกด้วย เพราะ “เจโอ” รัชเดช เครือทิวา ก็มีปัญหาเรื่องรังเกี่ยวกับกล้ามเนื้อต้นขาฉีก
ทั้งๆ ที่สถิตินำอยู่ 1-0 เกม แต่สถานการณ์จริงๆ สำหรับนครปฐมดูเป็นรองพอสมควรเลยทีเดียว
17/08/14 CHONBURI HI-TECH 67 – NAKHON PATHOM MAD GOATS 52
For English, click here.
สำหรับภาษาอังกฤษ คลิกที่นี่
แพะรับบาป (Scape Goat)
ทุกสายตาจ้องมองมาที่ สุชน ไหมธรรมพิทักษ์ ตั้งแต่ต้นเกม จากที่ไม่ได้แม้กระทั้งเปลี่ยนชุดลงแข่งในเกม 1 เขากลับต้องมาเป็นผู้เล่นห้าตัวจริง ต้องมาบัญชาการแนวรุกที่ทำแต้มมากที่สุดใน TBL บนเวทีที่ใหญ่ที่สุดในวงการบาสไทย แม้ว่า สุชนเองก็คงผ่านสนามมามากมาย แต่มาเจอสภาวะระดับนี้ ไม่ว่าใครก็คงต้องสั่นคลอนบ้าง ไม่มากก็น้อย
สุชนดูเหมือนะจะล่กตั้งแต่ต้นเกม และทาง กัณวัฒน์ เลิศเลาห์กุล เองก็สัมผัสได้ กัณวัฒน์เพิ่มความกดดันเกมรับของตัวเอง ทำให้ทางสุชนก็เลี้ยงลูกพลาดอยู่หลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทางสุชนก็ฟื้นตัวเองได้ดี และโชว์ศักยภาพด้วยเพลย์สวยๆ สองเพลย์ คือลูกที่ข้ามเข้าไปสอดให้กับ ชัยวัฒน์ แกดำ เล่นง่ายๆ และ ลูกที่เล่น Pick and Roll ข้ามเข้าไปวางบอลนิ่มๆ
ในเกมนี้ สุชน เสียเทิร์นโอเวอร์ไปทั้งหมด 6 ครั้ง รวมถึง เสียบอลจากการครองบอลแปดวินาทีในครึ่งสนาม ซึ่งจุดนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความกดดันของการแข่งขันระดับรองชิง TฺBL ที่ถูกยกมาวางไว้บนอกของสุชน
เมื่อจบเกม สุชน ทำไปทั้งหมด 2 แต้ม 4 แอสสิสต์ 2 รีบาวด์ และ 2 สตีล ซึ่งก็เป็นสถิติที่ไม่แย่นัก
แต่ในเมื่อทุกคนตั้งคำถามประเด็นสำคัญตั้งแต่ก่อนเริ่มเกมว่า “แม๊ดโกตส์จะทำยังไงกับการเสียการ์ดจ่ายอย่างอาร์มไป?” มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่เมื่อนครปฐมแพ้เกมนี้ จะมองไปที่สุชนกับ 6 เทิร์นโอเวอร์ของเขา แล้วบอกว่า เออ เอ็งผิด
แต่เรื่องจริงมันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า หรือ สุชนเป็นเพียงแค่แพะรับบาป
ดูจากตัวเลขชุดนี้ ชลบุรีไฮเทคกวาดรีบาวด์มากกว่า แม๊ดโกตส์ ถึง 26 ครั้ง โดยที่ ชลบุรีไฮเทคเก็บรีบาวด์ฝั่งรุกไป 22 ครั้ง ขณะที่แม๊ดโกตส์รีบาวด์ฝั่งรับไป 16 ครั้ง ตีเลขคร่าวๆ เป็นอัตราในการเก็บรีบาวด์ฝั่งรุก 58%
คงเป็นเรื่องยากที่จะชนะ หากปล่อยให้ทีมตรงข้ามเก็บโอกาสซ้ำจังหวะสองมากขนาดนี้
การรีบาวด์ฝั่งรุกของ แม๊ดโกตส์ เองก็ไม่ได้ดีกว่าเท่าไหร่ โดยกวาดไปได้เพียง สาม ครั้ง ซึ่งทีมที่ยิงเพียงทีมยิงเพียง 28% จากสนาม น่าจะเก็บรีบาวด์ฝั่งรุกได้มากกว่านี้
อีกจุดสำคัญนำชัย คือ ทางชลบุรีไฮเทคเองก็มีจังหวะการได้ลูกโทษในอัตราที่ดีกว่าในเกม 1
ตัวเลขที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อเป็นมาตรชี้วัดในด้านความสามารถในการได้ลูกโทษ คือ จำนวนครั้งในการยิงลูกโทษ (Free throw attempt/FTA) ต่อ จำนวนครั้งการยิง Field Goal (Field Goal Attempt/FGA) ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างจะตรงประเด็น การที่ได้ยิงลูกโทษก็แปรผกผันกับ การได้ยิง field goal ยิงลูกโทษมากเท่าไหร่ การยิง field goal ก็ควรจะน้อยลง
เป็นที่รู้จักกันในวงการบาส NBA ว่าทีม Houston Rockets เป็นทีมที่วางรูปแบบการบุกของผู้เล่นให้เน้นการยิงสามแต้ม ไม่ก็ข้ามเข้าไปเพื่อเอาฟาล์ว โดยยึดหลักความคิดว่า นั่นคือวิธีการทำแต้มที่มีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่ง Rockets ก็มีสองผู้เล่นที่ทำเรื่องนี้ได้ดีที่สุดสองคนใน NBA คือ James Harden และ Dwight Howard Rockets มีอัตรา FTA/FGA เท่ากับ 38.1% นั่นหมายความว่า เมื่อ Rockets ยิง field goal 100 ครั้งโดยเฉลี่ยแล้วจะได้ยิงลูกโทษ 38 ลูก
เมื่อเราได้ 38.1% เป็นจุดอ้างอิง เรามาดูสถิติในเกม 1:

นครปฐมได้ทำตัวเลขที่เหลือเชื่อ โดยมีอัตราการยิงลูกโทษถึง 62.7% ซึ่งก็มาช่วยสนับสนุนจุดสำคัญที่ทำให้ แม๊ดโกตส์ชนะเกมแรก ซึ่งว่าด้วยความลุยของ ปาล์ม ดรงค์พันธ์ทางไฮเทค มีอัตรายิงลูกโทษเพียง 34.4%
แต่เมื่อเรามาดูเกม 2:

ทางแม๊ดโกตส์ก็ทำได้ค่อนข้างดี โดยมีอัตรายิงลูกโทษอยู่ที่ 43.1% แต่ทางไฮเทคอัดเขาวงในอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วง มีอัตรายิงลูกโทษสูงถึง 55.3% เลยทีเดียว อีกทั้งยังมีโอกาสยิงลูกโทษมากกว่าที่แม๊ดโกตส์ยิงไปในเกม 1 ถึง 22 ลูก
สถิติด้านการรีบาวด์ และ การยิงลูกโทษนี้ ก็ค่อนข้างจะเอนไปว่า เหตุที่ แม๊ดโกตส์ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้ภายในสุดสัปดาห์นี้ เพราะว่า แข็งแรงอัดสู้กับไฮเทคไม่ไหวซะมากกว่า
ทรรศนคติของมือปืน (Shooters Mentality)
หลายๆ ครั้งที่บทความนี้อาจจะใช้คพูดที่เหมือนจะจิกกัด “เจโอ” รัชเดช เครือทิวา เรื่องการยิงสามแต้ม ซึ่งความแม่นยำในช่วงที่ผ่านมา ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงโดยหลังจากที่ยิงไป 2 ใน 10 ลูก (20%) เมื่อเกม 1 ที่ผ่านมา ก็ยิงไปได้เพียง 3 ใน 14 ลูก (21.4%) ในเกม 2 นี้
แต่บางทีก็อาจจะไม่ค่อยยุติธรรมนักสำหรับ เจโอ ที่ไปเจาะจงเรื่องการยิงขนาดนั้น เพราะว่าเมื่อได้ดูเกมของนครปฐมแล้ว ก็ค่อนข้างจะชัดเจนว่า เจโอ เป็นตัวยิงสามแต้มหลักของทีม ยิ่งเมื่อ วัชรพงษ์ ทองศรี ได้ลงสนามน้อยลง ก็แทบจะเหลือคนเดียวด้วยซ้ำ แน่นอนว่าในเกมๆ นึง เขาอาจจะต้องยิงถึง 10 ลูกต่อเกม แต่คิดว่า นั่นอาจจะเป็นเพราะเป็นบทบาทของ เจโอ เสียมากกว่า
เมื่อรวมกับอาการบาดเจ็บเรื้อรังและสะสมของ เจโอ นั้น โดยล่าสุดเป็น กล้ามเนื้อฉีกที่ต้นขา ทำให้ต้องพิจารณาและนับถือ เจโอ มากยิ่งขึ้นกับลีลาที่เขายังวาดลวดลายออกมาได้
หายไวๆ นะครับ
พูดถึงเรื่องการยิงแล้ว ในเกมนี้ Michael Fey เล่นได้อย่างน่าผิดหวัง โดยทำแต้มไปเพียง 5 แต้มจากการยิง 2 ใน 9 ลูก อีกทั้งยังมีการลองลั่นไกจากระยะสามแต้มอีกด้วย
อาจจะเพราะถูกรุมเร้าด้วยปัญหาการ Foul (4 ครั้ง) มาเรื่อยๆ ทำให้เวลาลงเล่นน้อยกว่าปกติ แล้วเกิดความหงุดหงิดในใจที่ไม่สามารถอยู่ในสนามและช่วยเพื่อนร่วมทีมได้มากกว่านี้
Hi-Tech’s Derek Fisher
คนที่ตามบาส NBA มาอย่างต่อเนื่องน่าจะรู้ว่า Derek Fisher คือใคร
Derek Fisher คือการ์ดจ่ายของ Lakers ในช่วงที่กวาดแชมป์สามสมัยติด ในช่วงเดียวกับยุค Kobe และ Shaq และยิงลูกสำคัญลูกแล้วลูกเล่าให้กับทีมดังม่วงเหลือง โดยเฉพาะลูกยิงดับฝัน Spurs ในขณะที่เหลือเพียง 0.4 วินาที ลูกนี้
เขาคือคนที่ลงเล่นเป็นการ์ดสำรองให้ทีมแกร่งอย่าง Oklahoma City Thunder ทั้งหมด 81 เกม เมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยที่ใส่เบอร์ 37 ตามอายุของตัวเองตอนเซ็ญสัญญากับ Thunder
Derek Fisher คือคนที่เมื่อเห็นลงสนามจะต้องอุทานออกมาว่า “เฮ้ย ยังเล่นอยู่อีกหรอวะ”
ได้ดู “บอย” ปิยะพงษ์ พิรุณ มากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งรู้สึกถึงรังสี Derek Fisher มากขึ้นเรื่อยๆ พี่บอยเป็นคนที่อยู่คู่กับวงการบาสไทยมาพอสมควร นานถึงขนาดที่ว่า สุขเดฟ โคเดคอร์ เคยบอกว่า โตขึ้นมาโดยมีพี่บอยเป็นไอดอล พี่บอยจะคอยส่องสามแต้มจังหวังโล่งๆ ด้วยจังหวะที่ชัดเจน และท่าทางการป้องกันถอดตามตำรามาแบบเป๊ะๆ เหมือนกับ Derek Fisher เลยทีเดียว
แต่สิ่งที่รู้สึกว่าคล้ายคลึงกันมากที่สุดคือ การที่ดูสองคนนี้ ทั้งในและนอกสนาม แล้วรู้สึกได้เลยว่า
“ซักวันนึง สองคนนี้ต้องเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม”
เราสามารถเห็น Fisher คอยสอนเพื่อนร่วมทีมี่ยังอายุน้อย คอยแสดงบทบาทความเป็นผู้นำของทีมออกมา เด่นชัดกว่าคนอื่นในสนาม และก็เป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นจากปิยะพงษ์ พิรุณ ได้เช่นเดียวกัน ทั้งเวลาที่เขาคอยสงบอารมณ์เพื่อนร่วมทีมในสนาม หรือ ช่วยอธิบายแผนของทีมข้างสนาม
เมื่อช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา Fisher ได้เซ็นสัญญาเป็น Head Coach ให้กับที่ม New York Knicks
ซักวันนึง เราอาจจะได้เห็นพีบอยใส่สูทบงการเกมจากข้างสนามเช่นเดียวกัน
จุดเดือด (Temperature Rising)
เมื่อของเดิมพันเพิ่ม ความกดดันก็เพิ่มขึ้น อารมณ์ก็เลยเริ่มพุ่งพล่าน
โดยส่วนตัวก็เข้าใจว่ากระแสของเกมมาในทางที่ดุดันมากขึ้นเรื่อยๆ และทาง เจโอ กับ บอย ก็มีเรื่องราวกันนิดๆ หน่อยๆ ในการพบกันที่ผ่านๆ มา แต่กรรมการสนามจะต้องพร้อมที่จะยับยั้งจังหวะอารมณ์ไหลของนักกีฬาทุกเมื่อ และอาจจะต้องเข้มงวดในจังหวะเล็กๆ น้อยๆ บางที ที่อาจจะบานปลาย เพื่อให้สถานการณ์อยู่ในขอบเขตที่ยังควบคุมกันไม่ได้
กีฬาอาชีพในช่วงวัยกำลังสร้างรากฐานอย่างบาสเก็ตบอลในไทยนั้นคงไม่สามารถที่จะเติบโตขึ้นได้ หากมีการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้นในเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรายการแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
หรี่เสียงหน่อยนึงได้ไหม (Can you turn it down a bit?)
เรื่องความกระตือรือร้น และ ความตั้งมั่นของกองเชียร์ไทย ผมว่าก็เป็นอะไรที่น่าภาคภูมิใจไม่ใช่น้อย แต่มีเรื่องนึงที่อยากยกขึ้นมากล่าวถึง นั่นคือ เรื่อง วูวูเซล่า
วูวูเซล่าเป็นเครื่องมือที่สามารถผลิตเสียงความดันสูงที่มีเสียงดังมาก และใช้รบกวนนักกีฬาฝ่ายตรงข้ามได้มาก แต่ผมรู้สึกว่ามันกำลังค่อยๆ ทำลายความเป็นศิลปะของกองเชียร์ไทย วูวูเซล่าจะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในสนามที่มีขนาดกว้างและสภาพเปิด อย่างเช่นสนามฟุตบอล ที่เสียงจะสามารถแผ่กระจายได้ในระยะกว้าง และถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น วูวูเซล่า ยังถูกห้ามไม่ให้ใช้ในรายการการแข่งขันฟุตบอลส่วนใหญ่ และรายการกีฬาอื่นๆ เนื่องจากความอันตรายที่อาจจะเกิดจากความดันเสียงของมัน
การแข่งขัน FIBA World Championships ปี 2010 ได้แบนการใช้วูวูเซ่ล่าในการเชียร์ระหว่างการแข่งขัน และได้ขยายผลของการแบนนี้ไปยังรายการแข่งขันส่วนใหญ่ที่ทาง FIBA ห้การสนับสนุน
ถ้าหากแฟนบาสไทยอย่างเราๆ คาดหวังว่าจะให้บาสเก็ตบอลไทย ก้าวข้ามอีกขั้นนึงสู่ระดับโลก เราควรจะทำในสิ่งที่เราทำกันได้ในฐานะกองเชียร์ คือการยกระดับการเชียร์ให้มันระดับโลกมากขึ้น อาจจะโดยการแทนที่เสียง วูวูเซล่า ด้วยการจัดกระบวนการเชียร์ให้แน่นมากขึ้น หรือ มีเพลงเชียร์ประจำทีม หรือ ประจำตัวนักกีฬา ด้วยกำลังเชียร์ของกองเชียร์และความมุ่งมั่นที่เรามีกัน ผมว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไปอย่างแน่นอน
Pillsbury goes all the way
“แก้ว” กัณวัฒน์ เลิศเลาห์กุล เล่นพอโอเคในเกมนี้ ถึงแม้จะเสีย เทิร์นโอเวอร์ไป 5 ครั้ง แต่ก็ทำไป 10 แต้ม และ สตีลไป 4 ครั้ง โดยมีไฮไลต์สวยๆ ลูกนึงคือลูกที่ข้ามเข้าไปเหมือนกับฝ่าฝูงแพะบ้าทีเดียวห้าคน
THROW IT DOWN!!
ทางชลบุรีไฮเทคเหมือนจะรันแผนปกติเดิมๆ จนกระทั่ง “รูเบน” วุฒิพงษ์ ดาโสมวิ่งตัดเข้ากลาง และได้รับลูกจ่ายสวยๆ จากทาง คริสเตียน ชาร์ลส์ แล้วยัดลงห่วงไปอย่างรวดเร็วและสวยงาม
ทาง ดนัย คงคุ้ม เองก็เป็นฝ่ายรับกรรมที่เป็นแนวรับสุดท้ายพอดี เพิ่มบาดแผลทางจิตใจ เสริมจากที่วันนี้เล่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักอยู่แล้ว
ตอนนี้สถานการณ์ก็กลายเป็น 1 เกมเท่ากัน กลับมาสู่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทั้งสองทีมมีเวลาเตรียมตัวสำหรับเกมสุดท้ายนี้ 1 สัปดาห์เต็มๆ มีเวลาพักฟื้นร่างกาย และจิตใจเต็มที่ วางแผนกันเต็มกำลัง ก่อนที่จะมาวัดกันฉากสุดท้าย
เหลืออีกเพียงสี่สิบนาทีแล้วสำหรับ ไทยแลนด์บาสเก็ตบอลลีก ก่อนที่เราจะรู้ว่าใครคือ จ้าว แห่งบาสเก็ตบอลประเทศไทย
รอติดตามชมตอนจบของไตรภาคสุดมันนี้ ได้เร็วๆ นี้
อ่านบทความสำหรับ เกม 1 ได้ที่นี่
2 thoughts on “TBL Recap Finals Game 2: เริ่มต้นใหม่”