TBL Recap Finals Game 1: อย่าค้างคา

กว่าที่ blog post อันนี้จะออกสู่สาธารณชน เราก็คงจะรู้แล้วว่าใครจะเป็นแชมป์ของไทยแลนด์บาสเก็ตบอลลีก 2014 นี้กันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนครปฐมแม๊ดโกตส์ หรือ ชลบุรีไฮเทค หากการแข่งขันในเกมแรกนี้สามารถใช้ทำนายอนาคตได้ เราก็มั่นใจกันได้ว่าจะเป็นการฟาดฟันที่ดุดันเลือดกระเด็นอย่างแน่นอน
ผู้ท้าชิงพร้อมแล้ว เวทีพร้อมแล้ว

เริ่มกันได้เลย

16/08/14 CHONBURI HI-TECH 58 – NAKHON PATHOM MAD GOATS 65

หากว่าท่านประสบปัญหากับการตามหา box score ของเกมนี้เช่นเดียวกับผม คลิกที่นี่ ได้เลย

สำหรับภาษาอังกฤษ คลิกที่นี่
For English, click here.

สองทีมนี้จบฤดูกาลปกติของ TBL 2014 ได้อย่างสวยหรู โดย แพะบ้าแพ้ไปเพียงสองเกมทั้งฤดูกาล (สถิติรวม 16-2) เป็นที่ 1 ของลีก ตามมาด้วย ชลบุรีไฮเทคเข้ามาเป็นอับดับสองด้วยสถิติ 15-3 ในการพบกันของสองทีมนี้ ทั้งคู่ต่างผลัดกันแพ้ชนะคนละ 1 นัด การที่ทั้งคู่ได้ไขว้เข้ามาเจอกันในรอบชิงแบบนี้ จึงทำให้คาดการณ์ผลได้ยาก และน่าติดตามไม่ใช่น้อย

ผู้ท้าชิง (The Contenders)

ทีมชลบุรีไฮเทคแทบจะเป็นชุดเดียวกับชุดลุย ABL ที่มีการสลับสับเปลี่ยน เจอริค กานยาด้า (ติดโควต้าชาวต่างชาติของ TBL) และ อรรถพร เลิศมาลัยพร (เล่นให้ทีมไทยเครื่องสนามใน TBL) กับ มานะ จันทุมา และ “พืช” อธิวัฒน์ หุมอาจ
อีกทั้งกฏของ TBL จำกัดนักกีฬาต่างชาติเพียง 1 คนในสนามสำหรับแต่ละทีม ทำให้รูปแบบการเล่นของ ชลบุรีไฮเทค และ ไฮเทคบางกอกซิตี้ ค่อนข้างจะต่างออกจากกันนิดหน่อย การที่ไม่มีเจอริค กานยาด้า ทำให้ กัณวัฒน์ เลิศเลากุล กับ บัณฑิต หลักหาญ ลงมากขึ้น โดยมี มานะ จันทุมา คอยผ่อนจังหวะอีกที

ทีมแพะบ้านครปฐมก็มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปเล็กน้อยจากที่ เคยเขียนไปเมื่อคราวที่แล้ว มีการสับตัวต่างชาติจาก Victor Toribio เป็น Tommy Smith อีกทั้งยังมีการสลับผู้เล่นสำรองเล็กน้อย แต่ตัวผู้เล่นหลักๆ ยังคงเหมือนเดิม ทาง Michael Fey ยังคงเป็นกำลังหลักในการทำแต้มใต้แป้น และยังสามารถทำได้ดีในการยิงระยะกลาง การ์ดจ่ายอย่าง ณัฐกานต์ เมืองบุญ ก็คอยกำกับเกมรุกได้ดี จุดสมดุลย์ระหว่างการป้อนให้ตัวยิงอย่าง “เจโอ” รัชเดช เครือทิวา ตัวบู๊อย่าง “ปาล์ม” ดรงค์พันธ์ อภิรมย์วิไลชัย และคู่วงในต่าง style อย่าง ไชยวัฒน์ แกดำ กับ ดนัย คงคุ้ม

สองทีมนี้วัดกันตัวต่อตัว แล้วก็กินกันไม่ลงเท่าไหร่นัก ทางชลบุรีไฮเทค อาจจะได้เปรียบด้านความสด แต่ แม๊ดโกตส์เองก็ได้เปรียบด้านความเก๋า

ตกม้าตาย (You can lead a horse to water…)

สองทีมนี้ต่างก็มีเกมแข่งกลางสัปดาห์ โดยทาง นครปฐม ฉะ กับ โมโนแวมไพร์ ในเกมตัดสินรอบรองชนะเลิศ เมื่อ สาม วันก่อน ในขณะที่ ชลบุรีไฮเทค/ไฮเทคบางกอกซิตี้ ก็ฟาดกับ Laskar Dreya ในเกมต่อเวลา เมื่อสองวันก่อนเช่นเดียวกัน ทั้งสองเกมค่อนข้างจะเป็นเกมที่กินทั้งแรงกายและจิตใจ แผนเกมของสองทีมนี้สำหรับเกมนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับผู้ชมอย่างเราๆ

ชลบุรีไฮเทคเดินเกมบุกด้วยการรันแผนแทบทุกครั้งที่ขึ้นเกม ผสมผสานกันระหว่าง Flex และ Motion การรันแผนนี้ ทำให้พวกเขาได้โอกาสทำแต้มงามๆ หลายๆ ครั้ง แต่การจบสกอร์ก็เป็นปัญหาต่อไป

สำหรับแผน Flex นี้ ทางการ์ดจ่าย ในที่นี้เป็น มานะ จันทุมา จะนำบอลขึ้นมา แล้วเลือกฝั่งที่จะเล่น จากนั้นจึงจ่ายให้กับปีกฝั่งนั้น ซึ่งในที่นี้เป็น ปิยะพงษ์ พิรุณ

ปีกฝั่งนั้นก็จะจ่ายบอลให้กับผู้เล่นวงใน หรือ คริสเตียน ชาร์ลส์ ที่ดีดออกมาที่สามแต้มตรงเส้นหลัง เพื่อรับบอล

จากนั้นปีกสองข้างก็จะตัดสวนกัน มุ่งไปที่ขั้นสอง (low post) ของฝั่งตรงข้าม ปีกที่อยู่ใกล้บอล ก็จะไปสกรีนให้กับผู้เล่นวงในตัวไกล (สุขเดฟ โคเคอร์) ซึ่งก็จะมุ่งขึ้นไปที่หัวกะโหลก ตัวในที่ถือบอลอยู่ก็ต้องคอยสังเกตุปีกที่ตัดเข้ามา หากมีจังหวะหลุด ก็จ่ายให้เล่นง่ายๆ ได้

ปีกที่ตัดเข้าหาบอล (บาส มณเฑียร วงศ์สว่างธรรม) ก็จะมุ่งไปที่ขั้นสองใกล้ๆ คริส ชาร์ลส์ บอลจะถูกถ่ายไปที่ สุขเดฟ ซึ่งมาถึงหัวกะโหลกพอดี โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้เล่นตำแหน่งนี้ จะต้องสามารถที่จะยิงในระยะกลางนี้ได้ อย่างที่เห็น สิงห์ ชนะชล กล้าหาญ และ สุขเดฟ ทำอยู่หลายจังหวะ ในเกมนี้ หากว่าไม่ได้จังหวะยิง ก็จะถ่ายบอลต่อไปให้ปีก บอย ปิยะพงษ์ พิรุณต่อไป

มาถึงจุดนี้ ผู้เล่นวงในอีกฝั่ง ก็จะใช้สกรีนของปีก เพื่อตัดเข้าหาบอลตรงใต้แป้น และได้จังหวะเล่น

อย่างที่กล่าวข้างต้น ทางไฮเทคทำได้ดี ในการวิ่งแผน จนได้จังหวะทำแต้มดีๆ หลายรอบ แต่ผลการจบสกอร์ออกมาชัดเจนมาก ด้วยอัตราการยิงเข้าเพียง 24.4% (20 ลูกลงจาก 82 ลูกยิง) ทางวงใน สตีฟ โธมัส และ ชาร์ลส์เองก็รวมกันยิงลงเพียง 4 ลูกจาก 18 ด้วยการที่เป็นจุดศูนย์กลางในเกมบุก นั่นเป็นตัวเลขที่ไม่น่าจะดีเท่าไหร่นัก

**คลิปต่อไปนี้จัดไว้เพื่อเป็นจุดอ้างอิงสำหรับการวิ่งแผน Flex ของ ชลบุรีไฮเทคต่อไป

แม๊ะแอ๊ะแอ๊ะแอ่น แม่น (Madly Efficient)

ทางนครปฐมก็วิ่งแผน Motion เป็นครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่จะอาศัยการ Isolation และ Pick and Roll ง่ายๆ อาจจะมีการคาดการณ์ไว้ส่วนนึงว่าทางไฮเทคจะมีแรงน้อยกว่าจากเกมกลางสัปดาห์ การปะทะการตรงๆ อาจจะมีประโยชน์กว่า

เจ้า “ปาล์ม” ดรงค์พันธ์ อภิรมย์วิไลชัยฝ่าฟันเข้าไปกลางดงฉลามชลอยู่หลายๆ รอบ ได้ยิงลูกโทษไป 11 ลูก และยิงลงไป 9 ลูก เป็นส่วนสำคัญทำให้เค้าได้ยอดแต้มสูงสุดในเกมไป 19 แต้ม เขาถูกฟาดฟันหวดฟาล์วไปทั้งหมด 7 ครั้งในเกมนี้ ซึ่งมากกว่าทุกๆ คน ตัวเลขนี้เป็นตัวชี้วัดได้ถึงรูปแบบการข้ามแบบแข่งแกร่งของ เจ้าปาล์ม ซึ่งเป็นการสร้างรูปเกมที่หลากหลายมากขึ้นให้นครปฐม

ไม่มีใครที่ยิงเกินสามครั้งแล้วยิงได้ถึง 50% ในเกมนี้ นอกจาก Michael Fey คนเดียว ซึ่งเค้าทำได้ถึง 70% เลยด้วยซ้ำ! Fey อาศัยความช่ำชองในการยิงระยะกลางที่ทำให้เค้าเป็นตัวที่จับยาก ยิงลูกไป 7 ใน 10 ลูก ซึ่งรวมไปถึงลูกยิงจังหวะสำคัญๆ สองลูกที่ตีแต้มทิ้งห่างทางไฮเทคออกไป

แหม ดีใจออกนอกหน้าเชียว

Shooter Paradox

รัชเดช เครือทิวา หรือ เจโอ เป็นนักบาสที่ได้รับคำกล่าวขานว่าเป็นมือปืน แต่หลังๆ มา ฉายานั้นได้มาจากความกล้าที่จะยิงออกไปและฝีมือในการหาจังหวะยิง มากกว่าความแม่นยำไปนิดนึง ในช่วงเลกที่สองของ TBL ทาง เจโอ ยิงสามแต้มลงไปเพียง 22 ลูกจาก 81 ลูก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 27.2% เท่านั้น ไม่ได้ขี้เหร่ แต่ก็ดูไม่หวือหวามาก
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เขาได้บอลบริเวณสามแต้ม ทีมฝั่งตรงข้ามก็ยังคงไม่กล้าปล่อยเค้าไว้เฉยๆ

ซึ่งนั้นก็เป็นหน้าที่ของทาง วุฒิพงษ์ “รูเบน” ดาโสม และทาง รูเบน เองก็ทำได้ดีมากด้วย รูเบนเป็นคนที่ป้องกันคนมีบอลได้ดีมากๆ เพราะศักยภาพร่างกายของเขาพร้อมที่จะป้องกันได้ตั้งแต่ตำแหน่งการ์ดจ่าย ไล่มาถึง พาวเว่อร์ ฟอร์เวิร์ด มือและเท้าของรูเบนมีการขยับที่ค่อนข้างไหว ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของตัวบุกได้อย่างทันควัน และมีจังหวะการโดดบล็อกที่บังมุมยิงได้ดี ซึ่งข้อดีเหล่านี้ก็ได้โชว์ในการป้องกัน เจโอ อย่างต่อเนื่อง

ถ้าจะบอกว่า วันนี้ไม่ใช่วันของเจโอ หรือ เจโอไม่มา จากสถิติการยิงสามแต้มลง 2 ลูกจาก 10 ลูก มันก็คงเป็นการมองข้ามเกมรับของ รูเบนมากเกินไปหน่อย แต่ถ้าจะบอกว่าวันนี้ไม่ใช่วันของเจโอจริงๆ ก็คงไม่ผิดเช่นกัน

ซึง่เจโอเองก็คงหงุดหงิดในใจไม่ใช่น้อย

โค้งสุดท้าย (Final Stretch Scares)

ทางไฮเทคก็มีการตีตื้นให้นครปฐมเสียวหลังอยู่หลายครั้ง โดย เจ้าหรั่ง ณกรณ์ ใจสนุก รักษาฟอร์มการยิงจังหวะสำคัญๆ จากนัด ABL ไว้ มายิงสามแต้มสร้างความฮึกเหิมสองลูกในช่วงท้ายเกม

ท้ายสุดแล้ว มันก็ไม่ได้ทำให้สามารถตีตื้นกลับมาชนะได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าติดตามสำหรับความมั่นใจของมือปืนดาวรุ่งคนนี้

ทางนครปฐมได้เสียววาบกันอีกทีตอนที่ ณัฐกานต์ เมืองบุญล้มโครมหลังจากที่มีการเกี่ยวข้อมือกลางอากาศ เป็นเรื่องของการอยู่ผิดที่ผิดเวลา และท้ายสุดกลายเป็นว่ามีคนต้องเจ็บ (ได้อารมณ์เพลงรักเศร้าๆ อย่างบอกไม่ถูก)

หน่วยบัญชาการเกมของแพะบ้าเลยต้องออกจากสนาม โดยใส่เฝือกอ่อนที่ข้อมือ และถึงแม้ว่าเกมนี้จะได้รับชัยชนะมาก แต่ความกดดันอยู่ดีๆ ก็มาตกที่ สุชล ไหมธรรมพิทักษ์ ที่อาจจะต้องได้ลงสนามในฐานะการ์ดจ่ายมากขึ้นในเกมถัดไป

ทางเจ้า อาร์ม ณัฐกานต์ เมืองบุญ เป็นแกนหลักสำคัญในการทำแต้ม และการจ่ายบอล

ซึ่งก็อยู่ที่การจัดการทางทีม นครปฐม ที่จะหาทางปะรูโหว่นี้เอาไว้ ภายใน 24 ชั่วโมง

Pillsbury Time

คิดเรอะว่าจะจบบทความนี้ได้โดยไม่เอ่ยถึง คนนี้

การ์ดร่างเล็กได้แสดงอีกครั้งว่า ในกีฬาบาส ขนาดไม่ได้สำคัญ หากคุณมีความเร็ว ความคล่อง และการจัดสมดุลย์ร่างกายที่ดี

ในเพลย์ไฮไลต์ของเกมนี้ เจ้าแก้วแสดงทักษะในการโยกหลบตัวกันจังหวะแรก จากนั้นจึงเร่งเข้าหาห่วง แล้วกระโดดหลอกให้ตัวกันกระโดดตาม เมื่ออยู่กลางอากาศกันหมด จึงใช้หลังบัง เพื่อวางลูกโดยไม่มีโอกาสจะปัดถึง

อาจจะดูเหมือนว่าต้องมีการกล่าวถึง Pillsbury Dough Boy ทุกครั้งที่มีการเขียนเกี่ยวกับไฮเทค แต่ทุกๆ ครั้งก็สมควรแก่การเอ่ยถึงจริงๆ อย่าพลาดท่าเหมือน Michael Fey ที่มองข้ามการ์ดจ่ายคนนี้ไป

บทจบ (Finishing)

ทางชลบุรีไฮเทคเกิดความยากลำบากในเกมนี้ เนื่องจากไม่สามารถปิดฉากการเล่นของตัวเองได้ ในทางเดียวกัน ทางนครปฐมก็เข้ามาอยู่ในสถานการณ์เดียวกันแล้ว ด้วยการเปิดฉากชนะเกมแรก พวกเขาจะสามารถปิดฉากรอบชิงนี้ได้หรือไม่ อยู่ที่ตัวพวกเขาเองแล้ว

ณ ที่นี้ ในตอนนี้ มีแต่รอยยิ้มและการฉลองชัย

แต่อยากเพิ่งได้ใจมาก เก็บเสื้อไว้ก่อน การต่อสู้ยังอีกยาวไกล

ทางนครปฐมจะสามารถกวาดไปสองเกมรวดได้หรือไม่ หรือทางชลบุรีจะสามารถตีเสมอได้
ติดตามชมกันได้ เร็วๆ นี้

สำหรับบทความเกม 2 คลิกต่อที่นี่