แฟนๆ ต่างเฝ้ารอการแข่งขันระหว่าง Saigon Heat กับ Hi-Tech Bangkok City มาได้ซักพัก หลังจากที่สองทีมเริ่มต้นฤดูกาลออกมาอย่างร้อนแรง ชนะรวด และถึงแม้ว่าทาง Heat จะพ่ายให้กับ Singapore Slingers อย่างฉิวเฉียด ซึ่งดับฝันที่จะได้เห็นสองทีมนี้วัดกันเพื่อตัดสินทีมไร้พ่ายทีมสุดท้าย เกมนี้ก็ยังเป็นการแข่งระหว่างทีมที่มีเกมบุกที่ดุเดือดอย่าง Heat และทีมที่ครบเครื่องอย่าง Hi-Tech Bangkok City
รับประกันความมันส์ได้เลย
For English/สำหรับภาษาอังกฤษ : Click Here
6/8/14 Hi-Tech Bangkok City 75 – Saigon Heat 59
ในช่วงนาทีสุดท้ายของเกม ในที่สุด Justin Williams ก็ได้บอลเข้าวงในอย่างโล่งๆ เข้ากระโดดขึ้นเล็กน้อย ยืดแขนออกจนสุด แล้วยัดลูกลงห่วง ณ จุดๆ นี้แต้มก็ขาดไปแล้ว ใบหน้าของ Williams หลังจากที่ทำแต้มได้ แลดูโล่งอกที่สามารถจะเล่นอย่างโล่งๆ ได้ในที่สุดในเกมนี้
ตอนจบเกมก็สังเกตุได้ ว่าทั้ง Williams และ Dustin Scott ต่างก็ชุ่มเหงื่อ
ซึ่งนั่นก็ผลจากการที่ใช้ผู้เล่นตัวจริง 4 ใน 5 คนถึง 37 นาทีขึ้นไป ในที่สุดความเหนื่อยล้าก็คงส่งผลกระทบไม่ใช่น้อย
ในทางกลับกัน ทางไฮเทคมี Steve Thomas ที่ระเบิดความเกรี้ยวกราดทุกครั้งหลังจาก Play สำคัญ หรือ Chris Charles ที่ยังวิ่งเต็มสปีดสบายๆ เพื่อจบสกอร์ trailer break
ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นยอดมนุษย์ หรือ อึดกว่า แต่อาจจะเพราะว่า เขาทั้งสองคนเล่นน้อยกว่าผู้เล่นหลักๆ ของไซ่ง่อนถึง 3 นาทีเต็มๆ
TWELVE-ON-FIVE
กว่า Heat จะวนตัวสำรองคนแรกลงมา ไฮเทควนล่อเข้าไปแล้ว 4 คน อีกทั้งยังได้เริ่มพักพี่คริส ชาร์ลส์แล้ว สำหรับคนที่นั่งดู การได้พักสามนาที อาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่นั่นหมายถึงการพักจากการฟัดกับสตาร์อย่าง Williams รือ Scott ในขณะที่ Williams กับ Scott ต้องกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับพลังของพี่สิงห์ ชนะชล กล้าหาญ หรือ ความยาวและจังหวะของสุขเดฟ โคเคอร์ เป็นการได้เปรียบด้านการพักฟื้น และบั่นทอน กำลังอย่างมาก

เหล่าปีกของ Heat ก็ถูกส่วนผสมระหว่าง ความสด ความไว ความยาว และ ความเก๋า ของปีก ไฮเทคป้องกัน จนยิงได้เพียง 20% จากสามแต้มในนัดนี้ สำหรับสามตัวนอก Froilan Baguion, Leo Avenido และ David Arnold
ขนาดเจ้า David ที่เป็นมือปืนที่น่ากลัวที่สุดของ ABL ในขณะนี้ ที่ยิงได้ 41.7% จากสามแต้ม กลับยิงได้เพียง 1 จาก 7 ลูกในเกมนี้
ทั้ง หรั่ง รูเบน บาส พีท บอย และ นพ ต่างก็เป็นคนที่ป้องกันได้ดีระดับนึงอยู่แล้ว การที่ไฮเทคสามารถวนหกคนนี้ ออกไปกวนปีกฝ่ายตรงข้ามได้นัดละ 10 นาทีขึ้นไป โดยที่เกมไม่เสียจังหวะ ถือว่าเป็นความได้เปรียบสุดๆ ของทางไฮเทค และ ถือว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับททีมอื่นๆ

ยกตัวอย่างพี่บอย ปิยพงษ์ พิรุณ ก่อนหน้าการแข่งขันวันนี้ สาม นัด เขาเล่นรวมไปทั้งหมด 14 นาที พอมาในนัดนี้ โค้ช Jhing ส่งเขาลงไปเป็นตัวสำรองคนแรกที่ได้ลงสนามและลงไปทั้งหมด 19 นาที พี่บอยก็ยังสามารถที่จะเล่นเกมป้องกันได้ดี อีกทั้งยังจ่ายบอล และรีบาวด์สร้างมิติให้เกมได้อีกด้วย

จุดนี้ น่าจะเป็นความแตกต่างที่ทำให้ไฮเทคสามารถคว้าชัยชนะได้ในนัดนี้ ไฮเทคสามารถที่จะวนสลับผู้เล่นได้ทั้ง 12 คน โดยที่ การไหลของเกมไม่เสียจังหวะจนมากเกินไป เพื่อให้ทุกคนได้มีการพักที่เหมาะสมกับแผนเกม
สิบสองต่อห้า ไม่ใช่ อัตราการแทงสำหรับเกมนี้ หากแต่เป็น สิ่งที่เหล่าเซียน สื่อและ แฟนๆ ต่างวิเคราะห์ว่าเป็นจุดได้เปรียบของทางไฮเทค ซึ่งถึงแม้อาจจะดูโหดร้ายกับทีม Heat แต่มันก็มีเค้าของความจริง ทางตัวผู้เล่นท้องถิ่นของเวียดนาม แม้ว่าจะมีศักยภาพที่น่าติดตาม แต่พวกเขายังเด็ก และประสบการณ์น้อยเกินกว่าการแข่งขันที่บดขยี้กันทุกเพลย์แบบในเกมนี้ พวกเขาจะเป็นเหยื่อของการ pressure ในเกมบุก และ เป็นเป้าหมายให้ถูกทะลวงฟันด้านเกมรับ
แม้ว่า พวกเขาจะแสดงการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น เจ้าหมัน (#11 Man) ที่มีความมั่นใจในการข้ามเข้าหาห่วงมากขึ้น โดยเกมนี้เรียก foul จาก ไฮเทคได้ด้วย หรือ เจ้าลัน (#8 Lan) ที่สามารถทำแต้ม Field Goal ได้เป็นคนแรกของผู้เล่นท้องถิ่นเวียดนาม
แต่อย่างไรก็ตาม โค้ช Jason Rabedeaux ยังไม่สามารถยางใจที่จะปล่อยให้พวกเขาอยู่บนสนามนานๆ ในเกมที่สูสีแบบนี้ได้
SEVEN-ON-FIVE
เหล่าช่างกล้องชอบที่จะเข้าไปรุมระหว่างการประชุมทีมช่วงพักขอเวลานอก เพื่อจับบรรยากาศความดุเดือนของการวางแผนในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น ถ้าผมเป็นโค้ช หรือ ผู้เล่นก็คงจะหงุดหงิดไม่ใช่น้อย แต่ในฐานะคนดู มันทำให้ได้อารมณ์และมิติในการรับชมเพิ่มขึ้น
ทางโค้ช Jason Rabedeaux ได้บอกกับลูกทีมว่า ตอนนี้เกมมัน 7 ต่อ 5 คนอยู่นะ เอาหน่อยวะ
ผมใช้เวลาซักพักในการทำความเข้าใจ ในแง่หนึ่งอาจจะหมายถึงผู้เล่น Saigon Heat ทั้ง 7 คนที่จะลงแข่งกับ ผู้เล่น Hi-Tech ห้าคน แต่ก็ดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่
จากนั้นเลยคิดว่า หรือจะหมายถึงการที่มีแฟนๆ และ staff หนุนหลังอยู่อีกสองแรง เลยเป็น 7 ต่อ 5 ในเสนาม แต่มันก็ยังดูไม่ค่อยตรงประเด็น
แล้วในที่สุด เมื่อได้ดูเกมอย่างละเอียด เราจะสามารถเห็นได้ว่ามีบางจังหวะที่โค้ช Jason ออกอาการไม่พอใจกับการตัดสินของกรรมการ ในบางจังหวะ David จะข้ามเข้าไปที่ห่วงโดยหวังเต็มที่ว่าจะต้องเกิดการปะทะ ซึ่งผลลัพธ์มักเป็นการเข้าไปวางบอลแบบหืดจับ ไม่ได้ foul และเสียอารมณ์
เดามั่วๆ ว่า “7” ที่ทางโค้ช Jason หมายถึง คือทางฝั่งไฮเทค โดยมีเพิ่ม 1 จากความเป็นเจ้าบ้านมีแฟนๆ หนุนหลัง แต่เพิ่มอีก 1 จากความเสียเปรียบที่เกิดจากการตัดสิน
ซึ่งจริงๆ แล้ว เค้าก็คงพูดถูก ทางทีมไฮเทคได้พลังจากเสียงเชียร์ของกองเชียร์มากพอสมควร และอาศัยเป็นแรงผลักดัยในการเร่งเครื่องทิ้งห่างให้ควอเตอร์ที่ 3 สำหรับเรื่องการตัดสิน การจะบอกว่า กรรมการเข้าข้างไฮเทค ผมคิดว่าคงจะมากเกินไป แต่ก็จริงที่มีหลายๆ จังหวะที่กรรมการเป่าพลาดไป และอาจจะเสียเปรียบกับทาง Saigon Heat มากกว่า
แต่นั่นก็คือกีฬาบาสเก็ตบอล กรรมการแต่ละคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองดีี่สุดเท่าที่ทำได้ ผมเชื่อมีั่นว่าอย่างนั้น
ในฐานะคนแข่งขัน เราต้องเล่นให้ดีที่สุดที่จะไม่ให้ผลการตัดสินของกรรมการ มาเป็นปัจจัยสูงสุดในการกำหนดผลแพ้ชนะ และผมเองก็เชื่อว่าทั้งสองทีมเล่นกันสุดใจทั้งคู่
Swiss Army Knife
Chris Charles (Hi-Tech Bangkok City) c]t Justin Williams (Saigon Heat) ต่างก็เป็นซุปเปอร์สตาร์ประจำทีม เป็นที่โจษจันท์ด้านทำแต้ม และ การบล็อกช็อต แต่สำหรับ Steven Thomas (Hi-Tech) และ Dustin Scott (Saigon)พวกเขาเป็นสตาร์ที่มีความหหลากหลายมากกว่า
จากที่เคยนำเสนอไป Steven Thomas นอกจากจะเป็นกองกำลังปะทะภายในที่ดุดันดุเดือด เขายังมีสัญชาตญาณ และทักษะการจ่ายบอลที่เหนือชั้น
ตอนนี้เขาเป็นอันดับในเรื่องการทำ assist ต่อเกม และ การจ่ายลูกของเขาเป็น Highlight แทบจะทุกนัด อีกทั้งยังมีความแม่นยำพอสมควรในการยิงระยะกลาง รวมทักษะทุกอย่างเข้ากันแล้ว จัดว่า Steve เป็นนักบาสที่ค่อนข้างครบเครื่องมาก
ทางฝั่ง Heat ก็มี Dustin Scott ที่แสดงให้เห็นในเกมนี้ว่า ระยะยิงของเขากว้างออกไปถึงสามแต้ม เขาเคยแสดงจังหวะการข้ามเข้าไปยัดได้อยู่บ่อยๆ อีกทั้งยังสามารถขอบอลใต้แป้น เพื่อวัดกันวงในได้อีก
ด้วยความที่มีอาวุธเกมบุกครบเครื่อง Scott ได้อาศัยความครบเครื่องนี้ในการบุกกับไฮเทค ซึ่งเอา Charles ที่ยาว แต่ช้าไปจับ Scott หลายๆ จังหวะคือ Charles ไหลออกไปปิดการยิงไม่ทัน หรือ ในกรณีที่ออกไปทัน ก็เกิดช่องโหว่ภายในแกนกลาง zone ของไฮเทค ท้ายสุด การที่เอา เดฟ ไปจับ ซึ่งมีความคล่องตัวและหลากหลายพอๆ กับ Scott ถึงจะชะลอ Scott ลงมาได้หน่อย แต่ถึงยังไง เดฟก็โดน Scott กดในเกมใต้แป้นที่ตัวเล็กกว่าอยู่ดี
ผู้เล่นที่มีความหลายหลากที่จะเปลี่ยนหรือเพิ่มมิติเกมแบบนี้ สำหรับทีมแชมป์ จะต้องมีอย่างน้อย 1 คน
Lock And Load
Heat มีสองมือปืนอย่าง Leo Avenido และ David Arnold สิ่งที่น่าสนใจคือ กลยุทธในการทำให้สองมือปืนนี้ว่างพอที่จะลั่นไก
ยกตัวอย่างเช่น เพลย์นี้:
เรามาพิจารณากันทีละอัน
ในเพลย์แรก Baguion ดันบอลขึ้นมา และ David ได้การ Screen ซ้อนสองชุด ขวางทาง เพื่อให้มารับบอลตรงหัว
จุดนี้ทำให้เขาว่างระดับนึงที่ะยิงเองได้ แต่การป้องกันหมุนถ่ายมาทัน Scott กับ Williams เคลื่อนต่อไป เพื่อไปตั้ง Screen คู่อีกชุดนึง เพื่อให้ Leo วิ่งสวนมาจาก baseline ฝั่งซ้าย ไปที่ปีกฝั่งขวาโล่งๆ
นอกจากจะทำให้ Leo ว่างแล้ว หากว่าตัวกันตัดสินใจที่จะเปลี่ยนตัวจับ จะทำให้เกิดความได้เปรียบกับตัววงใน
มาดูในเพลย์ถัดมา:
Leo ได้รับการ Screen จาก Justin Williams ที่ตำแหน่งปีก เพื่อให้ไหลไปที่ low post ใกล้บอล ถ้าหากว่าฝ่ายรับตามไม่ทัน David ก็จะสามารถจ่ายบอลให้ Leo เล่นได้ง่ายๆ
หมันขยับจาก baseline มาที่หัว zone โดยมีการ Screen คู่ของ Scott และ Williams อีกครั้ง ซึ่งนี่จะเปิดพื้นที่ด้านซ้ายไว้รอขั้นถัดมา
Leo กลับตัวจากฝั่ง Low-Post ใกล้บอล มาผ่าน Screen คู่ อีกรอบ เพื่อไปที่ตำแหน่งปีก ถัดมาจากหมัน ทำให้ได้ยิงสามแต้มแบบโล่งๆ
ในเพลย์สุดท้าย:
อันนี้คือเพลย์เดิม ที่เปลี่ยนด้านเฉยๆ ตัวปีกจะได้สกรีนเพื่อให้ข้ามไป Low-Post ใกล้บอล ตัวปีกอีกคนที่อยู่ Baseline จะผ่าน Screen คู่มาที่หัวโซนเพื่อต่อบอล สุดท้าย ปีกที่ข้ามไป Low-Post ก็จะดีดออกมาอีกรอบผ่าน Screen คู่ เพื่อที่จะได้ยิงโล่งๆ หรือ ยัดเข้าในอีกรอบ
อาจจะดูเหมือนเป็นแผนง่ายๆ แต่มันก็จำเป็นจะต้องใช้ Center ที่ Screen ได้เข้าคู่กัน และตัวยิงที่วิ่งเข้าหา Screen ได้ดี
“The Thais have the Heart”
บางที ก็อาจจะต้องการแค่พลังใจ ในการเปลี่ยนจังหวะของเกมให้เข้าทางตัวเอง
รูเบนข้ามตรงๆ เข้าหา Justin Williams ที่มีจำนวน บล็อกเยอะที่สุดในลีกตอนนี้ และเฉลี่ยสูงสัดอันดับสองต่อเกม เขาข้ามเข้าไปอย่างนั้น 2 ครั้ง และก็โดนตอกหน้าหงายสองครั้งเลย แต่ทุกครั้งที่เขาก้าวเข้าไปแล้วเทคตัวอย่างเต็มที่ กองเชียร์และเพื่อนร่วมทีมต่างก็รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นทะเยอทะยาน แม้ว่ารูเบนจะยัดใส่หน้า Williams ไม่สำเร็จ แต่ความมุ่งมั่นนั้นก็ได้หล่อเลี้ยงเป็นเชื่อไฟพลังงานให้ทีมรักษาระยะห่างของแต้มที่เหลือจนจบเกมได้
บางที ราฮา อาจจะสรุปไว้ได้ดีที่สุด เมื่อตอนท้ายสุด “คนไทยหัวใจเกินร้อยอยู่แล้ว” (แปลตามอารมณ์สุดๆ)
One thought on “ABL Recap: รุม”